หลังจากปิดทำการไปชั่วคราวเพื่อขยายร้านให้กว้างขวางนั่งสบายกว่าเดิม Copper Beyond Buffet ก็กลับมาเปิดให้บริการอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งยังคงความพรีเมียมของไลน์อาหารนานาชาติกว่า 150 เมนู ที่เสิร์ฟให้ได้อร่อยแบบเต็มอิ่มในเวลา 2 ชั่วโมง ท่ามกลางบรรยากาศร้านโฉมใหม่สุดหรูหราที่ ‘ บียอนด์ ’ ไปอีกขั้น ทางร้านตกแต่งมาในคอนเซ็ปต์ Modern Luxury ด้วยโทนสีทอง ดำ ขาว เป็นหลัก  ซึ่งยังเน้นในส่วนของครัวเปิดที่เราสามารถมองเห็นเชฟปรุงอาหารได้ทุกขั้นตอน โดยแบ่งเป็น Serving Station สามารถสั่งและรับอาหารได้ด้วยตัวเอง และ A La Carte Station ที่เป็นการต่อคิวสั่งหน้าเคาน์เตอร์ โดยจะมีพนักงานเสิร์ฟอาหารให้ที่โต๊ะ เริ่มต้นด้วยเมนู ซุปเห็ดทรัฟเฟิลครัวซองต์ ครัวซองต์หอมเนยจุ่มลงซุปทรัฟเฟิลหอมนัวละมุนลิ้นสุดๆ ระวังกินเพลินจนอิ่มท้อง ก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตกเนื้อวากิวออสเตรเลีย น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเรือเข้มข้นกลมกล่อมไปด้วยกันได้ดีกับเนื้อวากิวออสเตรเลีย อร่อยได้โดยไม่ต้องปรุง ข้าวซอยไก่ เส้นข้าวซอยนุ่มหนึบกำลังดี มาพร้อมกับเนื้อไก่ส่วนอกนุ่มๆ เคียงด้วยผักกาดดองและพริกแห้ง เป็นอีกจานที่ไม่ควรพลาด และขนมจีนน้ำยาปูใบชะพลู น้ำยาปูเข้มข้นหอมเครื่องแกง ที่โรยเนื้อปูมาให้แบบไม่มีหวง เฟตตูชินีหอยเชลล์ซอสครีมทรัฟเฟิล เส้นเฟตตูชินีเหนียวนุ่มเข้ากับหอยเชลล์เนื้อเด้งหวานฉ่ำ และซอสครีมทรัฟเฟิลสุดครีมมี่อบอวลไปด้วยกลิ่นทรัฟเฟิล ไปต่อที่เมนูสุดสดชื่นอย่าง ปลาซาจินึ่งซอสซัลซ่ามะม่วงยูซุ เนื้อปลาซาจิแน่นหวาน เพิ่มความหอมด้วยผงเคจัน กินคู่กับซอสซัลซ่ามะม่วงยูซุรสชาติเปรี้ยวอมหวาน และ สเต๊กปลามากุโระ ที่ย่างมาให้สุกเพียงเล็กน้อย เนื้อด้านในสีแดงอมชมพูสวย ราดด้วยซอสสูตรพิเศษรสเปรี้ยวนิดๆ เรียกความสดชื่นได้ดี เนื้อใบพายออสเตรเลียรมควัน เมนูส่งกลิ่นหอมเตะจมูกที่ผ่านการรมควันหลายชั่วโมงภายในเตา Smoke-Master สุดพิเศษจากประเทศสหรัฐอเมริกา จับคู่มากับ ลิ้นวัวซูวี สัมผัสนุ่มละมุนลิ้นกินคู่เกลือ พริกไทย ยิ่งลงตัว สำหรับของหวานและเครื่องดื่มแนะนำให้ลอง ชานมไต้หวัน ที่อยู่ในโซนเครื่องดื่มไนโตร หอมกลิ่นชาหวานเย็นชื่นใจ Crème Brûlée กรุบกรอบด้วยคาราเมลน้ำตาลไหม้ด้านบน คัสตาร์ดด้านล่างเนียนนุ่ม และ PAPARCH Cheesecake ชีสเค้กหน้าไหม้สัญชาติสิงคโปร์ เนื้อเนียนหอมหวานละลายในปาก นอกจากนี้ยังมีอาหารอีกหลากหลายประเภทให้ลิ้มลองไม่ว่าจะเป็นโซน Deep-fried food อาทิ กุ้งเทมปุระ ไก่ทอด หอยนางรมเทมปุระ หนวดปลาหมึกทอด โซน Japanese food ที่ยกขบวนซูชิ ซาชิมิมาให้เลือกแบบตระการตา รวมถึงโซนของดอง ของสด ที่มีทีเด็ดเป็น หอยนางรมสุราษฎร์ไซส์ใหญ่ หวานสด  บอกเลยว่าอร่อยพรีเมียมไม่แพ้กัน

สมเป็นร้านบุฟเฟต์ซีฟู้ดที่สร้างความฮือฮาในโลกโซเชียล คุณนายทะเลดอง (สาขาบรรทัดทอง) คุณหนุ่ย เจ้าของร้านเล่าว่าเมนูทะเลดองเป็นเมนูโปรดที่คุณหนุ่ยและคนรักทำกินเองเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อจังหวะชีวิตลงตัว ทั้งคู่จึงเริ่มเปิดร้านขายแบบจริงจังที่ตลาดนัดนกฮูก ก่อนจะโด่งดังเป็นพลุแตกที่สาขาบรรทัดทอง ไฮไลต์ของที่ร้านอยู่ที่กุ้งหอยปูปลาส่งตรงจากเรือชาวประมงหลายแห่ง (แถมยังมีเรือของตัวเองด้วย) เรื่องคุณภาพและความสดจึงหายห่วง พ่วงด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจี๊ดจ๊าดจากน้ำมะนาวสดกินกับเมนูไหนก็แซ่บ และ “น้ำดอง” สูตรเด็ดที่ใครได้ลองก็ติดใจทั้งแบบดองซีอิ๊วและดองน้ำปลา แถมยังเลือกฟินได้กว่า 50 เมนูตลอด 2 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้นที่ 499+/ 699+ /899+ และ 999+ บาท ต้นปีแบบนี้เราเชียร์ให้เลือกราคา 999+ จะได้กินกุ้งมังกรที่มีทั้งแบบซาชิมิสดหวานและแบบเบิร์นไฟ ส่วนเมนูอื่นๆ ก็จัดว่าเด็ด ไม่ว่าจะเป็นอูนิไทย เค็มๆ มันๆ กุ้งลายเสือ หอยเชลล์โฮตาเตะ หอยนางรม กุ้งแม่น้ำเผา ปูม้านึ่งแกะพร้อมกิน แซลมอน ปลาหมึก ปูไข่นึ่ง ปูไข่ดอง กั้งดอง ปูทะเลดอง ปูม้าดอง กุ้งดอง ฯลฯ อย่าพลาดปลากะพงทอดน้ำปลาอันเป็นทีเด็ดเพราะทางร้านทำน้ำปลาเอง รสเค็มนิดหวานหน่อย ส่งกลิ่นหอมฟุ้งมาแต่ไกล ปิดท้ายด้วยของหวานที่มีให้เลือกอีกเพียบ เข้าใจแล้วว่าทำไมเป็นร้านฮิตติดเทรนด์

“House of Kin Restaurant” ร้านบุฟเฟต์นานาชาติที่เสิร์ฟความอร่อยตลอดวันประจำโรงแรมเซ็นทารา โคราช โรงแรมสไตล์ไทย – อีสานเปิดใหม่แกะกล่องที่มีความหมายว่า “บ้านของเครือญาติ” โดยคำว่า ‘Kin’ ในภาษาอังกฤษ แปลว่า ญาติ จึงเป็นแนวคิดของร้านที่เน้นกลุ่มครอบครัว และเพิ่มความโดดเด่นด้วยอาหารที่หลากหลายจานอร่อยสไตล์ตะวันตก ไทย ญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีอาหารทะเลเอาใจคนรักซีฟู้ดด้วย เริ่มด้วยเมนูสุขภาพอย่าง สลัดมะเขือเทศสไตล์อิตาเลียน มะเขือเทศหั่นแว่นรสเปรี้ยวหวาน โรยด้วยชีสครีมมี ขนมปังกรอบ และน้ำมันมะกอก ยำสาหร่าย ยำสาหร่ายญี่ปุ่น รสสดชื่นเหมาะจะเรียกน้ำย่อย ซาซิมิ มีทั้งแซลมอนเนื้อสด ปูอัดเนื้อแน่น จิ้มวาซิบิรสเผ็ดซ่า และโชยุเข้ากัน ตามด้วย กริลล์ชีสแซนด์วิช ขนมปังโฮลวีตปิ้งหอมๆ ประกบแฮมและชีสน่าอร่อย เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอด เห็ดรวมผัดเนยซอสเทอริยากิ ก็รสชาติดี เห็ดนานาชนิดผัดพร้อมเนยและซอสเทอริยากิรสหวานพอดี เอาใจคนรักหอยด้วย ซีฟู้ดหอยรวม ฟินไปกับหอยตัวอวบอ้วนต่างๆ อาทิ หอยหวาน หอมแมลงภู่ หอยตลับ เข้ากันดีกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดเปรี้ยว มาถึงเมนูของชาววีแกนกันบ้างกับ เต้าหู้ญี่ปุ่น ราดซอสงา เต้าหู้ญี่ปุ่นนุ่มนิ่ม ราดซอสงาหอมๆ รสเค็มหวาน กินอร่อย ยังไม่อิ่มสั่ง สเต๊กหมูย่างซอสพริกไทยอ่อน สเต๊กหมูชิ้นใหญ่ๆ ย่างความสุกพอดีกิน เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟคู่ซอสพริกไทยดำรสเค็มพอเหมาะ และผักย่าง ยังมี สปาเกตตีผัดกระเทียมเบคอน สาวเส้นยาวๆ กันเพลินๆ เส้นสปาเกตเหนียวนุ่ม คลุกเคล้ากับกระเทียม เบคอนรสเค็มมัน และพริกแห้ง ข้าวกะเพราปลาสลิดแดดเดียว ปลาสลิดแดดเดียวรสเค็มกลมกล่อม ผัดพร้อมซอสกะเพรารสเข้มข้น ผสานกับความเผ็ดร้อนลงตัว

ไม่ได้แวะเวียนมาหลายปีพอมีโอกาสเหมาะๆ เลยลองแวะไปชิม “The Café” ห้องอาหารนานาชาติเสิร์ฟความอร่อย 24 ชั่วโมง ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของโรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ สักหน่อย บรรยากาศไทยคลาสสิกที่เต็มไปด้วยความหรูหราเรียบง่าย ตัวร้านติดกระจกใสทำให้มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาทอดยาว ดื่มด่ำกับวิวดีๆ แล้วยังมีอาหารนานาชาติให้ลิ้มลอง ทั้งบุฟเฟ่ต์อิ่มเอม และเมนูอะลาคาร์ตน่าสนใจ ขอเปิดด้วยเมนูในตำนานอย่าง ข้าวมันไก่มณเฑียร ไก่ตอนเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นน้ำมันงา กินพร้อมข้าวมันหุงอย่างดี และน้ำจิ้มที่มีให้คุณเลือกฟินถึง 4 สไตล์ อาทิ น้ำจิ้มดั้งเดิม รสเผ็ดร้อน น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว รสเปรี้ยวพอเหมาะ น้ำจิ้มขิง รสเผ็ดซ่า และน้ำจิ้มหวาน เอาใจคุณหนูๆ ก่อนซดน้ำแกงฟักร้อนๆ รสกลมกล่อมเพลินๆ ขนมผักกาด ก็เป็นหนึ่งในจานขายดีไม่มีตกเช่นกัน ขนมผักกาดเนื้อแน่น รสเค็มพอดี ผัดพร้อมกุ้งตัวโต และเครื่องเคราต่างๆ ตามด้วย ข้าวขาหมู ที่มาเต็มทั้งเนื้อและหนัง ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มแทบละลายในปาก รสหวานพอเหมาะ ยังไม่อิ่มสั่ง แกงเผ็ดเป็ดย่าง เนื้อเป็ดที่เรารัก อยู่ในน้ำแกงเผ็ดรสเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องแกง เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยอิ่มเอม

ช่วงเวลานับถอยหลังส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ มองไปทางไหนก็อิ่มเอมใจด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง หลายคนถือโอกาสไปเที่ยวพักผ่อน แต่สายกินอย่างเราแน่นอนว่าร้านอร่อยคือจุดหมายปลายทาง โอกาสดีแบบนี้ต้องนัดก๊วนแก๊งค์มาแฮงก์เอาท์ ซึ่งที่ไหนจะดีเท่าร้านบุฟเฟต์ที่มีอาหารหลายประเภทให้เลือก หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดเหมือนเรา ขอชี้เป้าบุฟเฟต์ในตำนาน Greenery Café ในโรงแรมรามา การ์เด้นส์ ย่านถนนวิภาวดีรังสิต ห้องอาหารที่รวมทั้งอาหารไทยและนานาชาติไว้ในที่เดียว ภายในกว้างขวาง โปร่งโล่ง รองรับลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะมากลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ก็นั่งสบายได้แบบลืมเวลา   เริ่มต้นเบาๆ ที่สเตชั่นเรียกน้ำย่อย เลือกซุปมาอุ่นท้องสักถ้วย แล้วตามด้วยสลัดบาร์ ผักสดกับน้ำสลัด อาทิ น้ำสลัดซีซาร์ น้ำสลัดเทาส์ซันไอแลนด์ น้ำสลัดฝรั่งเศส โรยด้วยขนมปังกรอบและชีส ติดกันเป็น Cheese Station มุมโปรดของคนรักชีส หยิบฟินไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็น บลูชีส มอซซาเรลลาชีส เชดด้าชีส กามองแบร์ชีส ครีมชีส และแฮมต่างๆ ถัดมาเป็นมุมอาหารญี่ปุ่น ซูชิและข้าวปั้น โปะหน้าแน่นๆ แทบไม่เห็นข้าวด้านล่าง เอนจอยกันต่อกับจานหลัก แนะนำมุมย่างและอบ เมนูจะหมุนเวียนทุกวัน อย่างวันนี้เราได้ชิมหมูย่างกับเป็ดอบซอสส้ม น้ำซอสเข้มข้นแทรกซึมถึงเนื้อใน ความนุ่มฉ่ำถึงระดับที่ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งเพลิน แต่อร่อยแค่ไหนก็ควรเหลือพื้นที่ในท้องแล้วไปต่อที่มุมยำรสแซ่บ ลืมความคิดเดิมๆ ว่าอาหารโรงแรมต้องรสชาติกลางๆ เพราะทั้งยำทะเลและพล่าหมูย่างของที่นี่ระดับความเปรี้ยวแซ่บนั้นถึงอกถึงใจจริงๆ ถัดมาอีกนิดเป็นโซนน้ำพริก-ผัก ห้ามพลาดน้ำพริกลงเรือและน้ำพริกปลาแซลมอน ที่ขึ้นชื่อโอชาว่ากลมกล่อมถึงเครื่อง กินแนมกับผักที่จัดมาให้ทั้งผักสดและผักลวกหลากชนิด ด้านข้างกันเป็นเมี่ยงคำ ซิกเนเจอร์ขายดีตลอดกาล เครื่องเคียงครบครัน ไฮไลท์อยู่ที่น้ำเมี่ยง เหนียวข้นรสเค็มหวาน กินคำแรกแล้วอยากกินคำต่อไปเรื่อยๆ ถัดมาเป็น Hot Dish มีเมนูเด็ดอย่างก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู ข้าวขาหมู ข้าวหน้าไก่ย่าง และขนมจีนน้ำยาปู น้ำยาเข้มข้นหอมกลิ่นเครื่องแกง ใส่เนื้อปูจุใจไม่ต้องควานหาให้เมื่อย กินแกล้มไข่ต้มยางมะตูมและผักสด อร่อยครบรส ถ้ายังมีพื้นที่ว่างในท้องแนะนำให้ลองเมนูราดข้าว ทีเด็ดไม่น้อยหน้า อาทิ ผัดคะน้าหมูกรอบ ทะเลผัดฉ่า ปลาทอดซอสมะขาม แกงเผ็ดไก่ เห็ดเข็มทองน้ำแดง หมูอบซอสแอปเปิ้ล ปรุงแบบโฮมคุกทุกอย่างจึงเข้มข้น เรียกว่าให้คะแนนแทบไม่ถูกเลย ผ่านมาหลายสเตชั่น หากอิ่มของคาวควรพักย่อยเมาท์มอยสักหน่อย ค่อยไปต่อที่มุมของหวาน เด็ดสุดเราเทใจให้เค้กมะพร้าวใบเตยที่ยืนหนึ่งของกรีนเนอรี่คาเฟ่ มุมนี้ยังมีของหวานอื่นๆ ที่ดีงามไม่แพ้กัน อาทิ เค้กเผือกฝอยทอง พุดดิ้ง มูส และไอศกรีม ปิดท้ายมื้อแบบสดชื่นด้วยผลไม้ตามฤดูกาล ยกขบวนมาไม่อั้น แต่จ่ายในราคาสบายกระเป๋า เพียงท่านละ 480 บาทเท่านั้น ยังมีโปรโมชั่นแรงส่งท้ายปีที่ไม่ควรพลาด ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม มา 4 จ่าย 3 (มื้อกลางวัน วันเสาร์ อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์)   อลังการแบบนี้ ต้องบริหารพื้นที่ในท้องให้ดีล่ะ!

หลังจากปล่อยให้รอกว่า 2 ปี ในที่สุด BlueSpice บุฟเฟต์นานาชาติที่หลายคนคิดถึงก็กลับมาอีกครั้ง ในชื่อ BlueSpice Café โดยครั้งนี้ขยับมาปักหมุดที่ใจกลางทองหล่อในรูปแบบคาเฟ่ที่ตกแต่งในสไตล์โอเรียนทอล อบอุ่นนั่งสบาย       รองท้องกันก่อนด้วยหมูย่างชีส เมนูกินเล่นแต่อิ่มจริง เนื้อหมูติดมันเล็กน้อย หมักเครื่องจนเข้าเนื้อแล้วย่างให้สุกหอม ท็อปด้วยชีสยืดๆ แบบจุใจ ตามด้วยซิกเนเจอร์อย่างเซ็ตข้าวมันไก่ฮ่องกง ไก่บ้านเนื้อเหนียวนุ่ม เสิร์ฟพร้อมข้าวมันหอมมะลิออร์แกนิกเม็ดสวย เคียงด้วยคะน้าฮ่องกง ซุปใส กินคู่น้ำจิ้ม 2 แบบคือน้ำจิ้มต้นหอมขิงและน้ำจิ้มข้าวมันไก่สูตรทางร้านที่ปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว รสออกเค็มหวานแต่กลมกล่อม       จานถัดมาแซลมอนทอดน้ำปลา ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายมาแต่ไกล แซลมอนหั่นเต๋าทอดให้หนังกรอบแล้วราดด้วยน้ำปลาสูตรเด็ดที่มีรสหวานนิดๆ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บอันเป็นทีเด็ด พิซซ่าแป้งบางกรอบที่เลือกได้ทั้งหน้าซีฟู้ด สโมคแซลมอน ดับเบิลชีส และฮาวาเอี้ยน รวมถึงเมนูอิ่มท้องที่รอให้ลองอีกเพียบ           ในช่วงค่ำคืน ที่นี่มีบุฟเฟต์ข้าวต้มมื้อดึกพร้อมด้วยเครื่องเคราสไตล์ไทยจีน โดยเฉพาะเมนูไฮไลต์อย่างแซลมอนแซ่บและกุ้งอบวุ้นเส้น รวมถึงของหวานอย่างขนมปังไส้ทะลักและบัวลอยน้ำขิง แล้วเพิ่มความพิเศษในคืนวันศุกร์-อาทิตย์ด้วยบุฟเฟต์ทะเลเผาที่มีทั้งกุ้งแม่น้ำ ปลาหมึก ปูม้า และหอยหวานให้สั่งแบบไม่อั้น         เป็นการกลับมาแบบครบเครื่องจริงๆ

ข่าวดีของคนรักปิ้งย่างสไตล์เกาหลีที่พักอาศัยในย่านศรีนครินทร์ วันนี้ไม่ต้องขับรถเข้าเมืองก็ได้ลิ้มรสเมนูโปรดจากวัตถุดิบสุดพรีเมียมในราคาที่เลือกได้ โดยไฮไลท์ของร้านที่ห้ามพลาดคือเนื้ออิมพอร์ตจากแหล่งผลิตที่ดีที่สุดผสานกับรสชาติของซอสหมักสูตรลับที่ปรับจนได้รสชาติที่อร่อยถูกปากตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้กิน           อยากเอ็นจอยครบรสยกให้เซ็ต Gold อิ่มจุใจกับวัตถุดิบพรีเมียมทั้งหมดของร้าน เริ่มจากเนื้อนำเข้า ได้แก่ เนื้อร่องซี่โครง, วากิวเสต๊กที่มีทั้งแบบหมักซอสถั่วเหลืองและไม่หมักซอส หรือเนื้อไทยคุณภาพอย่างเสือร้องไห้หมักซอสถั่วเหลืองก็นุ่มฉ่ำและเคี้ยวอร่อยไม่น้อยหน้า             ตามด้วยซีฟู้ด ได้แก่ หอยนางรมนำเข้าจากเกาหลี หอยแมลงภู่ชิลี แซลมอนนอร์วีเจียน กุ้งแม่น้ำ และปลาหมึกที่มีทั้งแบบหมักซอสโคชูจังและไม่หมักซอส       ชุดนี้ยังรวมเนื้อหมูและเนื้อไก่ให้เราสนุกกับการปิ้งย่างร้อนๆ แล้วจิ้มกับซอสสูตรเด็ด 3 ชนิด ได้แก่ ซอสซัมจังหรือซอสเต้าเจี้ยวรสเค็ม เผ็ด หวาน น้ำมันงาใส่เกลือและพริกไทยเพิ่มกลิ่นรส และซอสยากินิคุที่จับคู่กับเนื้อย่างได้อย่างเข้ากัน       จากนั้นจุใจกันต่อกับเครื่องเคียงที่ยกขบวนมาแบบละลานตา อาทิ กิมจิ 3 รส มีกิมจิผักกาดขาว กิมจิไชเท้า และกิมจิมะละกอ ต่อด้วยข้าวโพดหวานผัดเนย ผักโขมผัดน้ำมันงาปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยวเกาหลี ถั่วงอกผัดน้ำมัน สลัดมันฝรั่ง ข้าวผัดกิมจิ จับแชหรือวุ้นเส้นเกาหลี รวมถึงเมนูสุดฮอตของสายเกาอย่างไข่ตุ๋นเกาหลี ไข่ดอง กุ้งดอง ทรัฟเฟิลต๊อกปกกี และเมนูของทอด เป็นต้น               ในเซ็ตยังรวมเครื่องดื่มที่ช่วยให้อาหารคล่องคอยิ่งขึ้นได้แก่อิตาเลียนโซดา ที่มีหลายรสชาติให้เลือก อาทิ บลูฮาวาย แอปเปิลเขียว และสตรอว์เบอร์รี ส่วนคนไม่กินเนื้อแนะนำเซ็ต Silver สั่งได้ทุกอย่างยกเว้นเมนูเนื้อทั้งหลาย แต่ถ้ากินน้อยสั่งแค่เซ็ต Copper ก็ได้จุใจกับชุดหมูและไก่ พร้อมเครื่องเคียงชุดใหญ่ได้เหมือนกัน สำหรับบางคนที่มีเวลาจำกัดและอยากจัดหนักเป็นบางเมนูก็มีจานเด็ดสไตล์อะลาคาร์ตไว้ให้เป็นทางเลือก     จุใจขนาดนี้เตรียมล้างท้องให้พร้อมรับมือด้วยแล้วกัน

Praya Kitchen (พระยา คิทเช่น) ห้องอาหารไทยสูตรดั้งเดิม แห่งโรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ ที่เน้นเสิร์ฟไทยฟู้ดต้นตำรับรสชาติจัดจ้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะอาหารประจำบ้านของแต่ละภูมิภาค นอกจากนั้นยังมีอาหารนานาชาติอย่าง อาหารอิตาเลี่ยน อาหารญี่ปุ่น อาหารจีน อาหารยุโรป มาเพิ่มเติมเพื่อความหลากหลาย และยังมีทีเด็ดที่ขาดไม่ได้เลยคือ “ซีฟู้ด วอลล์”       นั่นคือการให้คุณได้เลือกอาหารทะเลสดเด้งต่างๆ ได้แก่ กุ้งลายเสือ กุ้งแม่น้ำ กั้งกระดาน หอยนางรม หอยตลับ หอยแมลงภู่ หอยหวาน เป็นต้น มาให้เชฟรังสรรค์เป็นเมนูที่คุณอยากรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นการทอดกระเทียม ผัดพริกไทยดำ หรือคั่วพริกเกลือ ยังไม่หมดแค่นี้เพราะที่นี่เขายังเอาใจสายเนื้อด้วย “พาเหรดเนื้อ” ซึ่งมีให้คุณได้เลือกหม่ำทั้ง เนื้อดรายเอจ บีฟ สเต๊ก เนื้อเซอร์ลอยสเต๊ก แฟรงค์สเต๊ก ริบอาย ท็อปไซด์ และเนื้อแกะ อยากลิ้มลองชิ้นไหนก็เลือกตักแล้วส่งต่อให้เชฟปรุงสดได้เลยไม่ต้องรีรอ       อิ่มอร่อยแล้วก็อย่าลืมเอ็นจอยกับบรรยากาศกว้างขวางแสนสบาย พื้นไม้สีน้ำตาลรองรับเฟอร์นิเจอร์สีเทาตุ่น แสงสีส้มจากโคมไฟด้านบนส่องสว่างทำให้รู้สึกอบอุ่น ไม่ต้องกลัวว่าห้องจะมืดเกินไป เนื่องจากผนังมีกระจกใสบานใหญ่ติดรอบๆ ช่วยลำเลียงแสงแดดจากภายนอกให้เข้ามาได้อย่างทั่วถึง     ลิ้มลองมื้ออร่อยกันดีกว่า เรียกน้ำย่อยกันด้วย ส้มตำปูปลาร้า เส้นมะระกอกรุบกรอบ คลุกเคล้ากับเครื่องส้มตำ ทำให้ได้รสแซ่บ เค็มนัว ถึงใจคนรักอาหารอีสาน ต่อด้วย น้ำพริกอ่อง รสเข้มข้น และ น้ำพริกหนุ่ม รสจัดจ้าน เสิร์ฟคู่กับผักสด ผักลวกนานาชนิด แคบหมู และไข่ชะอม         ขนมจีนน้ำยาปู ก็เลิศเลอ ปูทะเลเนื้อหวาน ตัวโต อยู่ในน้ำยารสเผ็ดกลมกล่อม หอมกรุ่นเครื่องแกง กินกับขนมจีน ผักสด และไข่ยางมะตูมเยิ้มๆ มาที่ติ่มซำกันบ้างดีกว่า เราเลือก ซาลาเปาหมูสับ ลูกขาวอวบน่าหม่ำ ภายใต้แป้งนุ่มๆ อัดแน่นไปด้วยไส้หมูรสเค็มละมุนเต็มคำ       เริ่มหนักท้องขึ้นไปกับเมนู ทะเลเผา ที่มีทั้ง กั้ง กุ้ง ปลาหมึก และปู ย่างบนเตาจนหอมฉุย ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บซี๊ด หรือจะเป็น ซีฟู้ดคั่วพริกเกลือ ก็ดีมี กุ้งไซส์บิ๊ก กั้ง และหอยแมลงภู่ตัวอ้วน ผัดพร้อมกระเทียมและพริกสด ปรุงรสจนจัดจ้าน ใครไม่ชอบกินเผ็ดก็สั่งผัดกระเทียม เราเลือกเป็น กั้งผัดกระเทียม เนื้อสดเด้งของกั้งไปด้วยกันได้ดีกับกระเทียมหอมฟุ้ง         เอาใจสายเนื้อด้วย เนื้อย่าง เนื้อนุ่ม ชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นสมุนไพร เสิร์ฟไปพร้อมกับผักย่าง ละจากอาหารไปที่ของหวานกันบ้าง มีทั้งขนมไทยและเทศให้คุณได้ละเลียด เริ่มกันที่ซิกเนเจอร์อย่าง พระยาชีสเค้ก ชีสเค้กหน้าไหม้รสครีมมี่ ที่มีฐานล่างเป็นครัมเบิ้ลกรุบกรอบ เค้กมะพร้าว เนื้อฟู หวานพอดี บราวนี่ เนื้อแน่น รสเข้ม ช็อกโกแลต ต่างๆ อาทิ ดาร์กช็อกโกแลต ช็อกโกแลตนม ไวท์ช็อกโกแลต         ชูครีม ลูกกลมๆ ไส้ครีมหวานหอม พานนาคอตตาลำไย ก็อร่อย พานนาคอตาเนื้อนุ่มเด้ง ผสมเนื้อลำไยหวานฉ่ำ ออนทอปด้วยลำไยสดอีกที     หันมาชิมขนมไทยกันดีกว่า เม็ดขนุน สีเหลืองทองสวยงาม เนื้อหนึบๆ หวานพอเหมาะ ลูกชุบ สุดน่ารัก จำแลงเป็นรูปผัก-ผลไม้ต่างๆ ข้างในเป็นถั่วกวนเนื้อเนียน ข้าวเหนียวแก้ว หลากสีสันสดใส และขนมหม้อแกง หวานมัน ชิ้นพอดีคำ     ไม่อิ่มหนำก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว พิเศษสำหรับมื้อค่ำวันเสาร์-อาทิตย์ เพิ่มไลน์ปูนานาชนิดและดนตรีสดด้วยนะ

ถึงเวลาที่สาวกคนรักเนื้อย่านบางแคจะได้อิ่มจุใจกับบุฟเฟต์เนื้อโคขุนและซีฟู้ดที่เสิร์ฟไม่อั้นตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม เมื่อ Best Beef ปิ้งย่างร้านดังขวัญใจสายเนื้อชาวอ่อนนุช ร้านสุดฮอตที่คนแน่นร้านไม่ว่างเว้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา วันนี้ได้ฤกษ์เปิดสาขาใหม่มาเอาใจคนรักเนื้อย่านบางแคให้ได้ลิ้มรสชาติแบบเนื้อๆ เน้นๆ เต็มปากเต็มคำกันบ้าง       โดยยังคงคอนเซ็ปต์ “เนื้อดีที่เหมาะสมกับราคา” คัดสรรเนื้อไทยคุณภาพเยี่ยม อาทิ เนื้อลูกมะพร้าว เนื้อเสือร้องไห้ เนื้อน่องลาย เนื้อหนอก เนื้อใบพาย เป็นต้น แต่ถ้าอยากลิ้มรสเนื้อนอกในราคาพิเศษทางร้านก็มีให้เลือกไม่ว่าจะเป็น Australian Tenderloin, Australian Rib Eye, Australian Striploin, Australian Chuck, Hokkaido Wagyu A4 Ribeye แต่ละจานคุ้มค่า คุณภาพเกินราคา     แม้จะเอาใจสายเนื้อเป็นพิเศษ แต่ที่นี่ไม่ได้เด่นที่เนื้ออย่างเดียว เพราะทางร้านยังจัดเต็มสารพัดเมนูให้เลือกสั่งได้แบบไม่ซ้ำไม่ว่าจะเป็นหมูหมัก หมูสไลด์ เบคอน ตับหมู ลิ้นหมู รวมถึงไก่หมักกับเป็ดหมัก ที่จัดว่าเด็ดเหมือนกัน       ตามติดมาด้วยซีฟู้ดสดไร้กลิ่นคาวกวนใจ อาทิ กุ้ง หมึก ปลาดอรี่ และหอยเชลล์ เป็นต้น เลือกจิ้มกับน้ำจิ้ม 3 รสชาติ ได้แก่ น้ำจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มซีฟู้ด และน้ำจิ้มเกาหลีสูตรเฉพาะของร้าน นอกจากนี้ยังมีอาหารจานเดียว เช่น ข้าวหน้าเนื้อ มะกะโรนีไก่ สปาเก็ตตีซอสเนื้อ ปีกไก่ทอด นักเก็ตไก่ เป็นต้น     ส่วนเมนูพิเศษประจำเดือนก็มีมาให้สายกินได้ตื่นเต้นกันแบบไม่ซ้ำ อาทิ แซลมอน เนื้อสันคอนิวซีแลนด์ เสือร้องไห้ออสเตรเลีย หรือกุ้งแม่น้ำ (อิ่มจุใจน้ำตาจิไหลเลยล่ะ)       จะก๊วนเล็กหรือก๊วนใหญ่ก็รวมพลกันมาแฮงก์เอาท์เคล้าปิ้งย่างหอมๆ ฟินๆ กันได้แบบสบายอกสบายใจเพราะสาขานี้กว้างใหญ่ หลังคาสูงโปร่งอากาศจึงถ่ายเทสะดวก เต็มที่กับการปิ้งย่างได้แบบไร้ขีดจำกัดเลย  

ยกให้เป็นขุมทรัพย์แห่งใหม่ใจกลางเมืองของสายกินที่ทั้งอร่อยและคุ้มค่าสุดๆ สำหรับบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันสุดพรีเมียมที่รวมพลความอร่อยนานาชาติแบบจัดเต็มที่ The Oasis” (ดิ โอเอซิส) ห้องอาหารแบบออลเดย์ไดนิ่งบนชั้น 6 ของ Hotel Nikko Bangkok โรงแรมสไตล์มินิมอลสุดเก๋แห่งทองหล่อที่บอกเลยว่าอร่อยเด็ดทุกสเตชัน       ก่อนไปลุยชิมความอร่อย เราแนะนำให้เลือกที่นั่งแสนสบายไว้ให้พร้อม ใครชอบดูวิวฟ้าสวยๆ หรือวิวเด็กๆ และครอบครัวเล่นสนุกสนานในสระว่ายน้ำก็พุ่งตรงไปบริเวณรอบผนังกระจกได้เลย หรือถ้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ที่นี่ก็มีโต๊ะยาวไว้รองรับกลุ่มเพื่อนเช่นกัน จากนั้นก็ถึงเวลาเตรียมท้องและเตรียมใจปะทะของอร่อยในแต่ละสเตชั่นกันได้เลย       ไม่ว่าจะเป็นสาวกอาหารญี่ปุ่นหรือไม่ เราก็อยากให้ลองชิมความอร่อยของสเตชันอาหารญี่ปุ่นของที่นี่ที่มีเมนูไฮไลต์ อาทิ Kaisen Don ข้าวหน้าปลาดิบที่รวมพลทั้งแซลมอน ทูน่า ไข่ปลา ไข่กุ้ง ปูอัด ไข่หวาน ปลาหมึก และแตงกวา (อยากให้เชฟเสิร์ฟเยอะหรือน้อยแค่ไหนก็บอกได้เลย) Chicken Curry ข้าวแกงกะหรี่ไก่รสเข้มข้นที่ใช้ข้าวนุ่มหนึบจากจังหวัดนีกาตะ รวมทั้งบรรดาซูชิและซาชิมิที่สดอร่อยสุดๆ           ส่วนคนรักอาหารทะเลต้องโดนใจกับสเตชันซีฟู้ดนานาชนิด ที่มีทั้งหอยนางรมเกาลี หอยแมลงภู่ และกุ้งสดตัวโตที่มีแบบแกะเปลือกพร้อมกินให้สาวๆ ไม่ต้องกลัวเปื้อนมือกันด้วย     ถ้ายังไม่อิ่มตรงไปต่อกันที่สเตชันพาสต้าหลากสไตล์ ผัดกันสดใหม่เสิร์ฟร้อนๆ เราแนะนำ Mentaiko Cream Pasta พาสต้าครีมไข่ปลาสไตล์ญี่ปุ่นที่อร่อยแบบคาดไม่ถึง หรือจะเลือกเส้น เนื้อสัตว์ และซอสตามชอบก็ฟิน (เชฟแอบกระซิบว่า สปาเกตตีผัดขี้เมาของที่นี่ฮอตฮิตทั้งในหมู่ชาวไทยและต่างชาติสุดๆ) ส่วนคนรักพิซซ่า ที่นี่มีเมนูพิซซ่าสไตล์อิตาเลียน แป้งบางกรอบ อบกันสดๆ ให้เลือกอร่อยกันอีกด้วย         ส่วนคนรักอาหารไทยไม่ต้องกลัวเลี่ยน เพราะที่นี่จัดเตรียมน้ำพริกรสจัดจ้าน เช่น น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกกุ้ง น้ำพริกตาแดง แกล้มผักสดนานาชนิด รวมทั้งจานเด่นแบบไทยๆ ในสเตชันอาหารไทยไว้ให้ทุกวัน (เราลองมากินแกล้มเมนูอื่นๆ แล้วอร่อยตัดเลี่ยนได้เวิร์คจริงๆ)       อีกหนึ่งสเตชันที่บอกเลยว่าต้องเก็บท้องไว้ชิมคือ บรรดาของหวานที่แสนละลานตา ไม่ว่าจะเป็นเค้กเรดเวลเวต ชีสเค้ก พานาคอตตา ทีรามิสุ และไอศกรีมโฮมเมดหลากรส อาทิ ชาเย็น เผือก สตรอว์เบอร์รี ช็อกโกแลต แต่ที่ห้ามพลาดเด็ดขาดคือ ไอศกรีมนมสดฮอกไกโดหอมหวานละมุนชื่นใจสุดๆ           ส่วนสายขนมปังและเบเกอรี ถ้ายังไหวอย่าลืมชิม Toast โทสต์หอมนุ่มชุ่มเนยที่ทำเสิร์ฟร้อนๆ กรอบนอกนุ่มในสุดๆ Green Tea Bun หอมชาเขียว Apple Crumble และ Bread Pudding ที่อร่อยประทับใจแบบไม่ (อยาก) ยอมอิ่มเลยทีเดียว         ใครอยากจัดเต็มความอร่อยแบบนี้ ไปได้เลยที่ The Oasis ชั้น 6 โรงแรม Hotel Nikko Bangkok ถนนสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ให้บริการทุกวันจันทร์-วันเสาร์เวลา 12.00 – 14.30 น. ในราคาเพียง 700 บาท ++ ต่อท่าน (โทร. 0-2080-2111)

วันหยุดสุดสัปดาห์คือวันที่จะได้ผ่อนคลาย ทั้งพักผ่อนและกินอาหารอร่อยตามใจอยาก หลายคนชอบรับประทานบุฟเฟต์มื้อสาย มื้อเช้าควบมื้อเที่ยงหรือที่เรียกว่า “บรั้นช์” (Brunch) เพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ต้องเร่งรีบ หลายโรงแรมต่างแข่งกันที่เมนูเด็ด อาหารคุณภาพดี ไลน์บุฟเฟต์อลังการตื่นตาตื่นใจ แถมยังขยายเวลาจากมื้อสายไปถึงบ่ายแก่     ที่เดอะ คิทเช่น เทเบิ้ล ร้านอาหารหลักประจำโรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ เขาจัดบรั้นช์วันเสาร์ชื่อว่า W Does Brunch ที่สนุกสนานคึกคักไม่เหมือนใคร ด้วยบรรยากาศสบายเป็นกันเอง มีโซฟาเข้ามุมเป็นส่วนตัว และโต๊ะตัวยาวสำหรับรับรองครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน เมื่อก้าวเข้าร้านมาก็รู้สึกสนุกขึ้นมาทันทีเพราะเสียงเพลงจังหวะชวนโยกจากดีเจ ส่วนอาหารจัดเป็นมุมอาหารต่างๆ ทั้งค็อกเทลบาร์โดยมิกซ์โซโลจิสต์ มุมชีสจากทั่วโลก แฮมและโคลด์คัท ขนมปัง อาหารทะเลสดๆ เนื้ออบ บาร์บีคิว ซูชิบาร์ ก๋วยเตี๋ยว พาสต้า และของหวานแบบจัดเต็ม       เมื่อเป็นบุฟเฟ่ต์แล้วจึงมีแพ๊คเกจให้เลือกตามความชอบได้แก่ Just For Food เน้นกินอาหารพร้อมกับเครื่องดื่มอย่างซอฟท์ดริ้งค์และน้ำผลไม้แบบไม่อั้น ถ้าอยากเอนจอยกับวันหยุดแบบสุดๆ ให้เลือก The Experience ที่รวมอาหารพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ค็อกเทล ไวน์ เบียร์ และ สปาร์คลิงไวน์แบบจัดเต็ม     G&C ไปลองมาแล้วบอกเลยว่าวันหยุดแบบนี้ต้องเรียกน้ำย่อยด้วย Seafood ซีฟู้ดบนน้ำแข็งคู่หูคู่มื้อบรั้นช์ที่มีทั้ง กั้งหิน ขาปูอลาสก้า หอยนางรม กุ้งลวก หอยแมลงภู่เปลือกดำ มีตัวเลือกไม่มากแต่ว่าสดทุกอย่าง จัดใส่จานมาอย่างละนิดหน่อยพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆ ก็กระตุ้นน้ำลายได้แล้ว     ส่วนใครสายเนื้อต้องลอง Roasted Aus. Prime Rib เนื้อวัวจากออสเตรเลียอบชิ้นใหญ่ติดกระดูก เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ กลิ่นหอม มีซอสให้เลือกหลายอย่างตามชอบ เมนูที่ปรุงสดใหม่อย่างพาสต้าก็น่าสั่ง เราลองชิม Pasta Truffle พาสต้าเส้นสดทำเองผัดกับเห็ดหลายชนิด ครีมและน้ำมันทรัฟเฟิลหอมๆ       สุดท้ายให้ Save room for dessert เผื่อท้องไว้สำหรับของหวานด้วย เพราะทั้งเค้กและขนมที่วางเรียงรายละลานตาชวนให้ตักทุกอย่าง เราชิม Chocolate Cake เค้กช็อกโกแลตเนื้อนุ่มกับครีมช็อกโกแลตรสเข้มข้นกินกิบไอศครีมราสป์เบอร์รี         จบมื้อใหญ่ให้ฟินสมเป็นวันหยุด   ‘ดับเบิ้ลยู ดาส บรั้นช์’ มีให้เลือก 2 แพ็กเกจ ได้แก่ จัส ฟอร์ ฟู้ด (Just For Food) ราคา 1,999 บาท++ /ท่าน สำหรับอาหาร, ซอฟท์ดริ้งค์, น้ำผลไม้, ชา และกาแฟแบบไม่อั้น ดิ เอ็กซ์พีเรียนส์ (The Experience) ราคา 2,999 บาท++ /ท่าน สำหรับอาหาร, ค็อกเทล, ไวน์,เบียร์ และ สปาร์คลิ่งไวน์แบบไม่อั้น

สายซีฟู้ดต้องตามมาทางนี้เลยค่ะ โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท จัดหนักจัดเต็มให้คุณได้อิ่มอร่อยกับบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดและอาหารสตรีทฟู้ดยอดนิยมทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น อิตาเลียน และยุโรป รวมถึงขนมหวานหลากหลายเมนูทั้งเค้กหลากชนิด ไอศกรีมโฮมเมด ขนมเบื้อง ช็อคโกแลตฟองดู น้ำแข็งไส     ภายในห้องอาหารตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีอ่อน พนักงานก็แต่งตัวเข้ากับธีมของห้องอาหารด้วยชุดแบบกะลาสี ให้คุณรู้สึกเหมือนได้กินซีฟู้ดสดๆจากทะเล     โดยไฮไลท์ของห้องอาหารอมาญาคือ เมนูปู ที่เชฟจะทำการปรุงสดๆตามออเดอร์ ทั้งผัดพริกไทยดำ ผัดผงกะหรี่ หรือทอดซอสมะขาม โดยสามารถเลือกได้ทั้งปูม้า ปูนิ่ม ปูทะเล และปู brown crab ไม่ว่าจะเมนูไหน ก็สัมผัสได้ถึงเนื้อปูหวานๆแน่นๆ ไม่ผิดหวังเลยค่ะ     ยังมีอาหารซีฟู้ดอีกหลากหลายชนิด อย่างกุ้งแม่น้ำ กุ้งลายเสือ กั้ง หอยนางรม หอยแมลงภู่ ส่วนใครที่ยังคิดไม่ออกว่าจะลองกินเมนูไหน ยังมีพนักงานอยู่หน้าบาร์อาหาคอยให้คคำแนะนำ ให้คุณได้อิ่มอร่อยกับเมนูที่คุณต้องการ     นอกจากนี้ยังมีอาหารจานหลักอีกมากมาย อย่างผัดไท กุ้งราดซอสมะขาม ปลากระพงนึ่งมะนาว หอยเป่าฮื้อ ส้มตำ น้ำพริกผักต้ม ซูชิ ซาซิมิ ติ่มซำ     ไม่ได้มีแต่ซีฟู้ด ยังมีสเต็กเนื้อวัวและแกะสุดพรีเมี่ยม     ปิดท้ายด้วยความฟินจากขนมหวาน ไม่ว่าจะเป็นเค้กนานาชนิด ผลไม้ ไอศกรีม ช็อกโกแลตฟองดู และน้ำแข็งไสที่มีเครื่องให้เลือกกว่า 40 ชนิด จัดหนักจัดเต็มขนาดนี้ ถูกใจทั้งสายซีฟู้ดสายหวานเลยนะคะ  

งานนี้ถูกใจคนชื่นชอบของหวานอย่างแน่นอน เพราะโรงแรมสุโขทัยเขามีบุฟเฟต์ช็อกโกแลตที่จัดหนักจัดเต็ม จากทั่วทุกมุมโลกจำนวนมากกว่า 31 ชนิด มาวางเรียงรายให้ได้เลือกกับแบบจุใจกันไปเต็มๆ     เมื่อเดินเข้ามาจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่สบายๆ ผ่อนคลายแถมยังมีเก้าอี้นุ่มๆ คอยต้อนรับอีกด้วย และที่สำคัญจะมีเชฟ Laurent Ganguillet ท่าทางใจดีคอยแนะนำและอธิบายรสชาติช็อกโกแลต โดยประจำอยู่สเตชัน คอยชงเครื่องดื่มให้เราดื่มอย่างไม่จำกัด ซึ่งจุดเด่นของสเตชันนี้คือ เราสามารถเลือกรสชาติ ความเข้ม ความหวานได้ตามใจชอบ และเลือกได้ว่าต้องการแบบร้อนหรือแบบเย็นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีช็อกโกแลตรสชาติผลไม้ให้ชิมอีกด้วย งานนี้เรียกว่าใครถูกใจรสไหนก็จัดเต็มกันได้เลย         นอกจากโซนบริเวณที่เป็นไฮไลท์จากเชฟแล้ว ยังมีส่วนบาร์ของหวานมากมายให้ได้เลือกอย่าง Raspberry Forest Cake เค้กช็อกโกแลตแสนเข้มข้นตัดเลี่ยนด้วยด้วยราสเบอร์รีสุดจี๊ดทำให้เค้กชิ้นนี้อร่อยลงตัวจริงๆ Milk chocolate white chocolate dark chocolate มาในรูปแบบก้อนสี่เหลี่ยมชิ้นพอดีคำตกแต่งด้านบนด้วยลายของโรงแรมหน้าตาน่ารับประทานสุดๆ Chocolate skewers กล้วยหอมๆ ชิ้นโตเนื้อหวานเคลือบด้วยช็อกโกแลตทั้งแท่ง กัดเข้าไปแล้วเข้ากันดีซะเหลือเกิน Cheesecake ชีสเค้กสูตรเด็ดที่เชฟคอนเฟิร์มเองเลยว่ารสชาติไม่เหมือนที่ไหนอย่างแน่นอน แถมตัวเนื้อเค้กยังเนียนนุ่มกินแต่ละครั้ง ประทับใจแบบสุดๆ ไปเลย นอกจากที่ยกตัวอย่างมาแล้วที่โซนนี้ยังมีของหวานอื่นๆ อีกมากมาย     white chocolate Milk chocolate dark chocolate     Chocolate skewers   Cheesecake   ถัดมาจะเป็นในส่วนของโซนของคาวกันบ้าง มีตั้งแต่ซูชิหน้าต่างๆ ปลาแซลมอนสดๆ ชิ้นโต สีสันดึงดูดแบบสุดๆ หรือจะเป็นซูชิโรลก็น่ากินไม่แพ้กัน  หรือแม้กระทั่งแซนด์วิชที่มาในชิ้นพอดีคำ กัดไปแล้วรู้สึกเต็มปากเต็มคอแน่นอน นอกจากนี้ยังมี BBQ chicken wings ปีกไก่ซอสบาร์บีคิว ชิ้นโตฉ่ำซอส แถมด้วยของว่างแบบไทยอย่างสาคูไส้หมู จัดมาในช้อนพร้อมผัก แป้งนุ่มๆ แถมไส้ก็หอมอร่อย เรียกได้ว่ากินแล้วต้องลุกขึ้นมาหยิบมาเพิ่มอีก และเนื้อมังคุดยำ จัดเต็มเรื่องรสชาติของน้ำยำได้อรรถรสในการกินแบบสุดๆ เพราะมีทั้งความเผ็ด เปรี้ยว หวาน เรียกได้ว่าครบรสเป็นอย่างมาก       สาคูไส้หมู   ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยผลไม้ต่างๆ ที่จะสลับเปลี่ยนหมุนเวียนให้เราเลือกตามแต่ช่วงฤดู เรียกได้ว่าเป็นการตบท้ายมื้อนี้ได้อย่างประทับใจจริงๆ ค่ะ  

เมื่อทายาทรุ่นใหม่ไฟแรงต้องการต่อยอดธุรกิจโรงสุกรของครอบครัว นำความถนัดมาปรับเข้ากับสิ่งที่รักทำให้เกิด Team Shabu ร้านอาหารนั่งสบายที่ใครมาแล้วมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาดเนื้อหมูอร่อยๆ อย่างแน่นอน ส่วนน้ำจิ้มสุกี้ก็ปรับจนได้สูตรที่ลงตัว สามารถครองใจชาวนนทบุรีและละแวกใกล้เคียงได้ตั้งแต่วันแรกที่เปิดร้าน       ไม่เพียงชูไฮไลท์ที่เนื้อหมูคุณภาพสไลด์เป็นแผ่นบางให้ลวกจิ้ม ยังนำมาปรุงรสอย่างหมูนุ่ม หมูเด้ง และหมูทรงเครื่องที่ทางร้านทำเองอีกด้วย นอกจากเนื้อหมูยังมีเนื้อไก่และซีฟู้ดที่ผ่านการคัดสรรและจัดเก็บอย่างดีเพื่อคงความสดจนกว่าจะถึงปากลูกค้า ถัดจากของสดสิ่งที่ช่วยชูรสยกให้น้ำจิ้มสุกี้ฮ่องกงผสมเต้าเจี้ยวสูตรโฮมเมด รสเผ็ดนิดๆ กินกับเนื้อหมูนุ่มๆ กลมกล่อมเข้ากัน หรือจะเลือกจับคู่กับน้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มซีฟู้ด หรือน้ำจิ้มพอนสึก็อร่อยไม่น้อยหน้า         สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างคือน้ำซุปรสเลิศที่มีให้เลือก 3 ซุป ได้แก่ ซุปใสเคี่ยวจากกระดูกหมู ซุปดำแบบสุกี้ญี่ปุ่น และซุปต้มยำเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดสไตล์ไทย เลือกแบบไหนก็ตอบโจทย์ถึงใจสายชาบูทั้งนั้น        

บอกเลยว่าไม่ว่าจะเป็นคนรักอาหารจีนหรือสายบุฟเฟต์ตัวยงก็พลาดไม่ได้ สำหรับ “คาราวานบุฟเฟต์โฉมใหม่” ของห้องอาหารจีน “สเตลล่า พาเลซ” บนชั้น 79 โรงแรมใบหยกสกาย ที่ปรับเปลี่ยนและเพิ่มความอลังการด้วยเมนูอาหารจีนรสชาติต้นตำรับที่มีให้อร่อยละลานตาถึง 15 คันรถ มากกว่า 80 รายการ แถมยังมาบริการเสิร์ฟกันถึงโต๊ะในห้องวีไอพีกันเลยทีเดียว   โดยทุกเมนูอร่อยสไตล์จีนดั้งเดิมนี้ยังรังสรรค์โดย เชฟประยงค์ ขันดงลิง  Senior Executive Sous Chef และ เชฟสุชาติ ป้อมแก้ว Chef BBQ 2 เชฟมากประสบการณ์แห่งสเตลล่า พาเลซ ที่ร่วมกันคิดค้นและสร้างสรรค์เมนูอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร     เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยกับเชต 5 คันรถแรก กับขบวนเมนูออเดิร์ฟกินเล่น (แต่อิ่มจริง) ที่ยกมาทั้ง เมนูร้อนเย็น อาทิ ขาหมูเย็น ไก่แช่เหล้า ขาหมูยัดไส้ แมงกระพรุนน้ำมันงา (แนะนำว่าต้องลอง) และสลัดกุ้งทอดผลไม้ที่กินเพลินสุดๆ       ต่อด้วยติ่มซำที่มีทั้งแบบนึ่งและทอด ไม่ว่าจะเป็นขนมจีบกุ้ง ขนมจีบปู ซาลาเปา ฮะเก๋าหูฉลาม ทอดมันกุ้ง ก้ามปูทอด ขนมปังหน้ากุ้ง และ ฟองเต้าหู้ทอด ที่เสิร์ฟกันแบบร้อนๆ กรอบนอกนุ่มใน         แล้วมาพักเบรกด้วยส้มตำและยำผลไม้ที่มาทำกันสดๆ รับประกันรสแซ่บจัดจ้าน ก่อนไปชิมเมนูหายากอย่างฮือแซ หรือซาชิมิแบบจีน ที่นำปลากระพงแดงสดแล่บางกินกับเครื่องเคียงนานาชนิด           จากนั้นมาเริ่มจัดเต็มกับเมนูหลักแน่นๆ ใน 6 คันรถถัดมา ที่มีไฮไลต์ห้ามพลาดคือ เป็ดปักกิ่งและเป็ดย่างหนังกรอบ ที่มาพร้อมซอส 3 สไตล์ ทั้งน้ำราดเป็ดย่าง ซอสบ๊วย และน้ำมันพริกเกลือ ที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ ต่อด้วยหมูหันฮ่องกง หมูแดง และหมูกรอบสูตรเด็ด           แล้วมาเพิ่มความอลังการให้มื้อนี้กันต่อกับเป๋าฮื้อน้ำแดงและหอยหน่อไม้ และกระเพาะปลาน้ำแดงรสกลมกล่อม รวมทั้งเมนูเส้น อาหารมงคลของคนจีนที่รวมพลมาทั้งบะหมี่ขาห่านอบหม้อดิน บะหมี่เคาหยก กุ้งอบวุนเส้น และบะหมี่ไก่ซีอิ๊ว           ส่วนสายซีฟู้ดต้องเตรียมท้องไว้สำหรับซีฟู้ดฮองเฮา ที่พร้อมให้เราเลือกอาหารทะเลและผักสดนานาชนิด อาทิ กุ้งแม่น้ำ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ปูม้า ปลาหมึก ผักกาดขาว เห็ดออรินจิ ผักกวางตุ้งไต้หวัน มาต้มในน้ำซุปร้อนๆ หอมกลมกล่อม     แล้วมาตบท้ายด้วยเซตของหวาน 4 คันรถสุดท้าย ที่รวมความอร่อยเอาใจสายหวาน ทั้งผลไม้สดหลากชนิด เครปซูเซตต์ เมนูขึ้นชื่อที่มาทำเสิร์ฟกันร้อนๆ พร้อมไอศกรีมโฮมเมดสูตรสเตลล่า พาเลซ รวมทั้งขนมหวานแบบร้อนและเย็น แนะนำบัวลอยน้ำขิง สาคูแคนตาลูปกะทิปั่น และแตงโมเกล็ดหิมะเย็นชื่นใจ แต่ภ้ายังไม่จุใจยังมีขบวนเค้กและเบเกอรีสไตล์ฮ่องกงรอให้ชิมอีกเพียบ แนะนำลูกบอลลาวา แป้งทอดเหนียวนุ่มคลุกเคล้างาขาวและงาดำ ไส้ไข่เค็มลาวาเยิ้มๆ น่ากิน               นอกจากหลากหลายเมนูอัดแน่นในทั้ง 15 คันรถแล้ว ยังมีเมนูเสริมความ (อิ่ม) อร่อยให้เลือกได้อีก ทั้งซุป ข้าว และเมนคอร์สระดับพรีเมียม อาทิ ราดหน้ากุ้งแม่น้ำจัมโบ้ย่างมันเยิ้ม สะโพกเป็ดซอสส้ม ซี่โครงหมูตุ๋นทอด สตูลิ้นวัวและสเต๊กเนื้อแบบจีน ข้าวอบสเตลล่า ข้าวผัดหยางโจว บะหมี่ฮกเกี้ยน ซุปเป๋าฮื้อจักรพรรดิ ซุปหูฉลามทรงเครื่อง ซุปรังนก ซุปเยื่อไผ่ ไปจนถึงโจ๊กฮ่องกงเนื้อเนียนนุ่มละมุนลิ้น               ที่เราชอบมากคือ ราคาสุดคุ้มเพียง 890 บาทต่อคน นี้ ยังอร่อยได้แบบไม่จำกัดเวลา แถมฟรีเครื่องดื่มทั้งชาจีนและเก๊กฮวยตลอดมื้ออีกด้วย บอกเลยว่าสายกิน (หนัก) ต้องมาจัดกันด่วน! (อย่าลืมโทรไปสำหรองที่นั่งล่วงหน้า เพื่อรับประกันความอร่อยแบบชัวร์ๆ ด้วยนะ)

เจแปนนีสเลิฟเวอร์ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีกับโรงแรมนิกโก้ กรุงเทพฯ โรงแรมเครือดังจากประเทศญี่ปุ่น มีไฮไลท์อย่างร้าน “ฮิโช” ที่ไม่เหมือนใครคือบุฟเฟต์เทมปุระแบบสั่งได้ไม่อั้น       “ฮิโช” ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “บินสูง” เราเห็นได้จากบรรยากาศของร้านที่ตกแต่งด้วยไม้ไผ่ทำให้เพดานสูงต่ำลดหลั่นกัน เด่นที่เคาท์เตอร์ไม้ขนาดใหญ่กลางห้องอาหารที่เรียงรายไปด้วยอาหารและเครื่องเคียงสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียกว่า “โอบันไซ” (Obansi) เช่น เส้นหมี่เย็น ซูชิ ผักดอง ของทอดต่างๆ โดยเมนูจะหมุนเวียนไปตามฤดูกาล รวมทั้งขนมและผลไม้อีกหลายชนิด     มื้อกลางวันจะมีอาหารจานหลักให้สั่งและสามารถตักโอบันไซได้แบบไม่อั้น หากเป็นสายเนื้อห้ามพลาด Steak เนื้อวัวออสเตรเลียนวากิวสไลด์ย่างบนกระทะร้อน ที่เราสามารถย่างให้สุกมากน้อยได้ตามความชอบ เนื้อนุ่มฉ่ำเคี้ยวอร่อยได้รสเนื้อเต็มปาก     หากชอบปลาย่างสไตล์ญี่ปุ่นต้องสั่ง Yakizakana มีให้เลือกระหว่างปลาแซลมอนและปลาซาบะ ชิ้นโต ย่างมาแบบหนังกรอบ เนื้อนุ่ม ปลาสดเนื้อหวานอร่อย Tonkatsu หมูทอดทงคัทสึ แป้งกรอบเนื้อในนุ่มกินกับซอสรสเค็มหวานสไตล์ญี่ปุ่น Osashimi ซาชิมิรวมปลา 5 ชนิดหั่นชิ้นหนาเต็มคำ และยังมีเซตซูชิและเทมปุระให้เลือกอีกด้วย           ส่วนมื้อเย็นมีไฮไลท์คือบุฟเฟ่ต์เทมปุระแบบตามสั่ง เชฟจะค่อยๆ ทอดเทมปุระทีละชิ้นให้เราได้กินแบบร้อนๆ ทุกคำ มีทั้งซีฟู้ดอย่างเช่น ปูหิมะ หอยเชลล์ และปลาไหลให้เลือกสั่งด้วย เสิร์ฟพร้อมกับเกลือธรรมชาติจากประเทศญี่ปุ่นที่มีให้เลือก 6 ชนิดคือ เกลือธรรมชาติโมชิโอะ เกลือวาซาบิ เกลือรากบัว เกลือชาเขียว เกลือรสบ๊วย และเกลือแกงกะหรี่ เรียกได้ว่าไม่เหมือนที่ไหน         ที่นี่ยังมีสาเกบาร์ที่มีสาเกให้เลือกกว่า 20 ชนิด มีโอมากาเสะที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ซูชิและยังบริการอาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่นอีกด้วย เรียกว่าครบจบในที่เดียวสำหรับคนรักอาหารญี่ปุ่น

อยากกินบุฟเฟต์ซีฟู้ดแบบจัดหนักจัดเต็มไม่ต้องไปไหนไกลก็สามารถสัมผัสกับรสชาติซีฟู้ดแท้ๆ เหมือนยกทะเลมาไว้ที่นี่ Skyline Seafood Buffet AVANI+ Riverside Bangkok Hotel ย่านใจกลางพระราม 3   วิวแม่น้ำเจ้าพระยา   ใครกังวลว่ามากินบุฟเฟต์ที่โรงแรมแล้วต้องจัดเต็มเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม แต่ไม่ใช่กับที่นี่อย่างแน่นอน เพราะเมื่อก้าวเข้ามาถึงห้องอาหารจะรับรู้ได้ถึงบรรยากาศสบายๆ ผ่อนคลาย ด้วยการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์และผนังด้วยไม้สีอ่อน แต่เพิ่มความหรูให้เคาน์เตอร์อาหารลายหินอ่อนสีขาว แถมยังได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโรนามาประกอบเข้าไปอีก ทำให้การมากินอาหารในครั้งนี้ช่างแสนมีความสุขจริงๆ   ตอนกลางคืนวิวก็สวยไม่แพ้กัน   ซีฟู้ดจัดเต็ม   ขอบอกเลยว่าไม่ได้มีดีแค่วิวเท่านั้น เพราะพระเอกจริงๆ คือซีฟู้ดบุฟเฟต์นั่นเอง เรียกได้ว่าจัดมาให้กินอย่างจุใจ เริ่มจากกุ้ง กั้ง ปู ปลาหมึก หอยแมลงภู่ แซลมอน และที่ขาดไม่ได้คือหอยนางรม 4 สายพันธุ์ อาทิ หอยนางรมไอริช จากไอร์แลนด์ หอยนางรมเจอร์ซี่ หอยนางรมนอร์มังดีร์ และหอยนางรมฟิน เดอ แคลร์ จากฝรั่งเศส แถมยังมีปิ้งย่างให้บริการอีกด้วย มีอาหารให้เลือกมากมาย เช่น กุ้งแม่น้ำ ปลาแซลมอน ปลาหมึก หมู หรือเนื้อก็มีจ้า     หอยนางรม 4 สายพันธุ์   Seafood on ice   เอาใจสาวกปลาดิบกันหน่อยกับสารพัดเมนูทั้งซาชิมิแซลมอน ซาชิมิทูน่าเนื้อแดง ยำปลาแซลมอน ปลาซาบะหอมๆ แถมด้วยปูอัด ไข่หวาน และข้าวปั้นหน้าต่างๆ วางเรียงรายให้เราเลือกกันอย่างเต็มอิ่ม   ข้าวปั้นหน้าต่างๆ   แซลมอนสดๆ     ต่อมาเป็นโซนพาสต้าสามารถเลือกเส้นได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นเส้นสปาเกตตี มักกะโรนี ฟูซิลลี่ ราวิโอลี ลิงกวินี และเพนเน่ แถมยังเลือกปรุงรสชาติได้หลากหลายรูปแบบ เพราะเชฟปรุงสดใหม่จานต่อจาน       ไม่หมดเพียงแค่นี้ยังมีอาหารให้เราเลือกอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย ส้มตำ ยำต่างๆ หรืออกเป็ดซอสส้ม ซึ่งแต่ละสัปดาห์อาหารจะไม่ซ้ำกันอย่างแน่นอน เราจะได้ลิ้มลองรสชาติใหม่ๆ กันตลอด   ส้มตำแซ่บๆ     ส่วนใครที่ชอบกินผักเป็นชีวิตจิตใจก็มีจัดเตรียมไว้ให้อย่างอลังการ โดยเฉพาะน้ำสลัดที่ขนมาให้เลือกกันตาลายไปข้าง แอบกระซิบนิดนึงว่าผักทั้งหมดนี้เป็นของออร์แกนิกทั้งนั้นเลย   ผักสดๆ   ถึงแม้อาหารจะมีให้เลือกเยอะ แต่อย่าลืมเผื่อท้องไว้ให้ของหวานกันด้วย เพราะเขาจัดเต็มกับของหวานไม่แพ้ของคาวเลยทีเดียว เริ่มจากสารพัดเค้กน่ารักๆ หรือจะเป็นขนมไทยเขาก็มี ไม่หมดเพียงเท่านี้ยังมีช็อกโกแลตฟองดูอีก ตบท้ายไอศกรีมสุดพิเศษที่ทางโรงแรมทำขึ้นมาเอง งานนี้กินให้พุงกางกันไปข้างเลยจ้า       ไอศกรีมสุดเฉพาะจากทางโรงแรม  

มื้อที่เราจะเต็มที่กับตัวเองได้อย่างสบายใจ ต้องยกให้ “ซันเดย์บรันช์” (Sunday Brunch) เพราะท้องยังว่างหลังจากตื่นนอน แล้วยังมีเวลาให้ย่อยไปอีกยาวๆ ด้วยเหตุนี้ ซันเดย์บรันช์ บุฟเฟต์ จึงเป็นอะไรที่ลงตัวสำหรับทั้งเพื่อนฝูงและครอบครัวที่ชื่นชอบของกินอร่อยๆ ได้กินอาหารตามที่แต่ละคนชอบแถมยังนั่งคุยนั่งชิลกันได้ตลอดบ่าย ใครที่กำลังมองหาซันเดย์บรันช์ที่คุ้มค่า อาหารอร่อย วิวงามๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ลองมาที่ เน็กซ์ทู คาเฟ่ (Next2 Café) โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ที่เพิ่งเปิดตัวซิกเนเจอร์เมนูใหม่ล่าสุดสำหรับซันเดย์บรันช์ นั่นคือ “ล็อบสเตอร์ออมเล็ต” ออมเล็ตนุ่มละมุนลิ้นสอดไส้ชิ้นกุ้งล็อบสเตอร์ชิ้นโตตักแล้วเจอทุกคำ ทอปด้วยซอสฮอลแลนเดสรสออกมันๆ เปรี้ยวนิดๆ โรยด้วยไข่กุ้งกรุบๆ ทำสดใหม่เมื่อสั่งออร์เดอร์เท่านั้น แล้วค่อยๆ ไล่ลำดับความเข้มข้นด้วย “ล็อบสเตอร์เทอร์มิดอร์” กุ้งล็อบสเตอร์ย่างอบด้วยชีสแบบแน่นๆ เน้นๆ เนื้อกุ้งแกะมาให้แล้ว ย่างสุกกำลังดีไม่เหนียวเลย และ “ล็อบสเตอร์บิส” ซุปกุ้งล็อบสเตอร์รสเข้มข้น เป็นเมนูใหม่ที่คนรักล็อบสเตอร์โดนใจเต็มๆ         ต่อด้วยอีกเมนูที่ห้ามพลาดสำหรับคนรักเนื้อ “เนื้อวัวแองกัสย่าง” ใช้เนื้อวัวนำเข้าจากออสเตรเลีย เนื้อด้านในนุ่มชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟคู่กับซอสเกรวีหรือซอสพริกไทย และยอร์คเชอร์พุดดิ้ง ส่วนใครที่ชอบฟัวกราส์ต้องลองเมนู “ฟัวกราส์กระทะร้อน” นำฟัวกราส์ชิ้นหนามานาบกระทะ แล้วประกบด้วยขนมปังเนื้อบางเบาทาเนยนาบกระทะจนผิวกรอบๆ เท่านี้ก็ฟินแล้ว         ด้านไลน์อาหารที่นี่นำเสนอเมนูอาหารนานาชาติที่เรียกว่าครบครัน ทั้งมุมซีฟู้ดออนไอซ์สดใหม่ นอกจากกุ้งและปู ยังมีก้ามล็อบสเตอร์ ขาปูทาราบะ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เสิร์ฟกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสดี มุมหอยนางรมสดก็มีหอยนางรมให้เลือกหลายสายพันธุ์ทั้งจากฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และอเมริกา ส่วนสเตชั่นอาหารญี่ปุ่นมีซูชิและซาชิมิหลากหลายดี สเตชั่นอาหารจีนมีเป็ดปักกิ่งอุ่นในซึ้งเสิร์ฟร้อนๆ ตลอดเวลา สเตชั่นอาหารอินเดียนี่เรียกว่าดีงามมากทีเดียว ไก่ย่างทันดูรีเนื้อนุ่ม แกงก็รสชาติเข้มข้น กินกับแป้งนาน ชัทนีย์ และหอมแดงดอง นอกจากนี้ยังมีสเตชั่นบาร์บีคิว สเตชั่นอาหารยุโรป สเตชั่นอาหารไทย สเตชั่นอาหารสไตล์เอเชีย ที่มีจานเด่นอย่างข้าววมันไก่ไหหลำและก๋วยเตี๋ยวน้ำด้วย           ถึงจะมีเมนูให้เลือกมากขนาดนี้ แต่สายแข็งอย่างเพิ่งยอมแพ้ เพราะไลน์ของหวานและชีสของที่นี่ก็เรียงรายรอให้ชิมกันอย่างเพียบ! เริ่มด้วย ตู้ไอศกรีมสไตล์โฮมเมด 12 รสชาติ ที่หมุนวนให้เลือกจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว ตามด้วยขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสทั้งเค้กและมูสต่างๆ มาการอง ช็อกโกแลตฟาวเทน เตอร์กิชดีไลท์ อย่าพลาดเค้กช็อคโกแลตลาวาที่อร่อยมากๆ และยังมีมุมขนมไทย พร้อมด้วยข้าวเหนียวหน้าต่างๆ รวมทั้งข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งจะปอกให้ใหม่ๆ เมื่อมีออร์เดอร์ด้วย             นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายนเป็นต้นไป เราอยากชวนให้บ้านที่มีน้องๆ เด็กๆ พาลูกหลานมาด้วย เพราะตอนนี้ทางเน็กซ์ทู คาเฟ่ ร่วมกับโครงการ “เอเลเฟนท์ พาเหรด®” Elephant Parade® โครงการไม่แสวงหาผลกำไรที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทั่วไปหันมาให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ช้าง ด้วยการร่วมกันช่วยเหลือช้างที่เจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ รวมถึงลดความรุนแรงที่เกิดกับช้าง ด้วยการดำเนินโครงการในลักษณะการจัดนิทรรศการผลงานศิลปะบนรูปปั้นช้างที่ได้รับการออกแบบและตกแต่งโดยนักออกแบบ ศิลปิน และบุคคลมีชื่อเสียงทั่วโลก จัดกิจกรรมระบายสีรูปปั้นช้าง โดยได้จัดเตรียมพื้นที่ อุปกรณ์ระบายสี และรูปปั้นช้างเรซิ่น (ขนาดเริ่มต้น 15 เซนติเมตร ราคาตัวละ 1,000บาท) และผ้ากันเปื้อนไว้ให้พร้อมสรรพ รอแค่ทุกท่านมาปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์วาดลงไปบนตัวช้าง เป็นกิจกรรมที่เด็กๆ ก็ชื่นชอบ ผู้ใหญ่ก็สนุก นอกจากนี้ จำนวนเงิน 20% จากกำไรสุทธิจะนำไปบริจาคเพื่อกิจกรรมในโครงการสวัสดิการและอนุรักษ์ช้างในเอเชียต่อไป         บุฟเฟต์มื้อสายวันอาทิตย์ที่เน็กซ์ทู คาเฟ่ รังสรรค์โดย เชฟมาร์ค ซีโบรวีอุส หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ สำหรับผู้ใหญ่ราคาท่านละ 2,888 บาทถ้วน และเด็กที่มีอายุระหว่าง 4 ปี – 11 ปี ราคาท่านละ 1,444 บาท 

คลายความสงสัยเกี่ยวกับความหมายของชื่อร้านลาวา ทันทีที่ได้เห็นภาพของไลน์อาหารบุฟเฟต์วางเรียงรายตลอดความยาวด้านหนึ่งของร้าน เปรียบดั่งสายธารลาวาหลั่งไหลไม่สิ้นสุด กระตุ้นน้ำย่อยให้เต้นโครมครามและอยากลงมือปิ้งย่างเสียเดี๋ยวนั้น     ด้านบรรยากาศภายในร้านคึกคักเป็นปกติด้วยลูกค้าพร้อมใจกันเข้ากระชับพื้นที่แทบจะในนาทีแรกที่เปิดร้าน โดยเฉพาะสายกินตัวจริงยิ่งไม่พลาดเตรียมล้างท้อง พร้อมรับมือกับมื้อค่ำอันโอชะที่มีให้เลือกอย่างจุใจ ในราคาที่เกินคุ้มไปไกลมาก   แนะนำเริ่มที่ต้นทางนำโดยกุ้งสดเลือกได้ทั้งแบบแหวกว่ายอยู่ในน้ำหรือคีบจากถาดโรยน้ำแข็งด้านบนที่สดใหม่ไม่ต่างกัน      ตามด้วยหอยใหญ่หลายสายพันธุ์รับประกันความสด เช่น หอยนางรมกินคู่ยอดกระถิน หอมเจียว และน้ำพริกเผาสูตรต้มยำแม่ประนอม ต่อด้วยโซนเนื้อสัตว์จัดเต็มเนื้อไก่ เนื้อหมู หมูบด หมึก แมงกะพรุน ปูอัด ไข่นกกระทา และอื่นๆ       อย่าลืมผักสดกรอบช่วยตัดเลี่ยนและเพิ่มความสดชื่นระหว่างมื้อ ใกล้กันคือไลน์อาหารปรุงเสร็จพร้อมเสิร์ฟเติมเต็มตลอด หลายคนคงเทใจให้โซนนี้เพราะหน้าตาชวนกินทั้งนั้น ปิดท้ายด้วยขบวนขนมหวาน ไอศกรีม ผลไม้ และเครื่องดื่มเติมไม่อั้น ยกเว้นแอลกอฮอล์         แต่ที่อยากกดไลค์ให้รัวๆ เป็นตัวช่วยชูรสชาติความอร่อยแบบคูณสองคือน้ำจิ้ม 4 ชนิด ได้แก่ ซีฟู้ด และแจ่วสูตรเฉพาะของร้าน ร่วมสมทบความเข้มข้นและจัดจ้านด้วยน้ำจิ้มสุกี้สูตรกวางตุ้งและน้ำจิ้มไก่ตราแม่ประนอม ต้นตำรับความอร่อยแบบดั้งเดิมไม่เคยเปลี่ยน แวะมากินกี่ครั้งก็ไม่มีคำว่าผิดหวังกลับไป         เปิดให้บริการแล้ว 2 สาขาใกล้บ้านคุณ สาขาแรกสุวรรณภูมิ โทร. 09-2558-8265 และสาขาสอง อ้อมน้อย โทร. 08-9492-1919

เรียกว่าเป็นขวัญใจนักชิมมายาวนานกว่า 23 ปี สำหรับ “ข้าวต้มเจ้าพระยา” หรือ “ข้าวต้มบุฟเฟ่ต์” แห่งโรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ผู้บุกเบิกข้าวต้มบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำแห่งแรกบนถนนรัชดาภิเษก ด้วยความอร่อยไม่เป็นสองรองใครและความหลากหลายของเมนูเด็ดกว่า 50 รายการ ที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ชิม พร้อมทั้งเมนูพิเศษใหม่ๆ ที่ “เชฟทร-สุนทร ศรีหาบุตร” เชฟใหญ่ประจำห้องอาหารคอยคิดค้นและสร้างสรรค์ออกมาเอาใจนักชิมอยู่เสมอ         ที่สำคัญตอนนี้ข้าวต้มบุฟเฟ่ต์ย้ายมาอยู่บริเวณ ชั้น G ของอาคารโรงแรมที่มีพื้นที่กว้างขวางนั่งสบายมากยิ่งขึ้น โดยมีทั้งโซนริมกระจกใสให้ชมวิวทิวทัศน์ภายนอกและโซนใกล้ไลน์บุฟเฟ่ต์ซึ่งทั้ง 2 โซนนี้รองรับลูกค้าได้กว่า 150 ที่นั่ง เลยทีเดียว         เมื่อมาถึงและเลือกที่นั่งเหมาะๆ เราแนะนำให้เริ่มจากโซนข้าวต้ม โดยข้าวต้มของที่นี่นั้นอร่อยไม่ธรรมดา โดยเฉพาะข้าวต้มผสมเผือกและข้าวต้มผสมมัน ที่ต้มเผือกและมันพร้อมกับข้าวหอมมะลิ โดยเชฟแอบกระซิบว่ามีเคล็ดลับอยู่ที่การใส่ข้าวเหนียวเล็กน้อย เพิ่มความหอมอร่อยนุ่มหนึบ     มาต่อกันที่ไลน์เมนูร้อนที่มีจานเด็ดยอดนิยม อาทิ ปลาตะเพียนต้มเค็ม สูตรเด็ดใส่เต้าเจี้ยวเพิ่มรสชาติ ไลน์พะโล้ที่มีทั้งเป็ดพะโล้ (ที่เนื้อนุ่มอร่อยไม่เหนียวเลย) ไส้พะโล้ และเลือดหมูพะโล้ รวมทั้งคากิตุ๋นเครื่องยาจีนจนนุ่มเปื่อย หน่อไม้จีน จับฉ่าย ผัดหนำเลี้ยบหมูสับ และหอยลายผัดน้ำพริกเผา               ส่วนใครชอบความแซ่บให้ตรงไปที่โซนเมนูยำ นอกจากเมนูอร่อยเลื่องลืออย่าง กั้งดอง ที่ใช้กั้งสดตัวโตดองพริกไทยสูตรเฉพาะของที่นี่แล้ว เรายังไม่อยากให้พลาดยำหอยแครงและยำกุ้งแห้งที่แซ่บจัดจ้านไม่แพ้กัน         แต่ถ้ากลัวจะเผ็ดเกินไป อย่าลืมตักเมนูอาหารแห้งและเมนูกินเล่นที่มีมากมายจนแทบเลือกไม่ถูก ไม่ว่าจะเป็นไข่เยี่ยวม้า ไข่เค็ม ปลากรอบ กุ้งหวาน ผักกาดหวาน หนำเลี้ยบ ปลาเค็ม ใบปอ กานาฉ่าย ไปจนถึงหมูแผ่นและกุนเชียงทอด       สำหรับสายเฮลท์ตี้ต้องถูกใจไลน์ผักสดนานาชนิด อาทิ ผักบุ้ง ผักแขนงคะน้า เห็ดเข็มทอง กุยช่ายขาว บร็อกโคลี ยอดฟักแม้ว ฯลฯ ที่ให้เราเลือกครีเอตเป็นผักผักต่างๆ พร้อมเลือกส่วนผสมเพิ่มเติม เช่น เต้าหู้ไข่ หมูกรอบ กุ้ง ปลาเค็ม หรือจะผัดผักรวมมิตรก็ได้ตามใจชอบ       ยังไม่หมดแค่นี้ ใครยังไม่อิ่มกับข้าวต้ม ที่นี่ยังมีสเตชั่นความอร่อยทั้งเป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบ (ที่หาไม่ได้ที่บุฟเฟ่ต์ข้าวต้มที่อื่น) ขาหมู ราดหน้า ส้มตำ และก๋วยเตี๋ยวต่างๆ ที่หมุนเวียนไม่ซ้ำกันตลอด 7 วัน แต่ที่พลาดไม่ได้คือเมนูพิเศษในช่วงนี้อย่าง หอยทอด แป้งกรอบนอกนุ่มใน ทอดร้อนๆ ตามสั่ง นอกจากนี้ในแต่ละโต๊ะที่นั่งยังมีการ์ดเมนูอาหารจานเดียวให้สั่งกันเพิ่มอีก อาทิ เส้นหมี่ผัดผักกระเฉดกุ้ง ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ผัดซีอิ๊ว และไข่เจียว                 แล้วอย่าลืมเผื่อท้องไว้สำหรับของหวานแสนอร่อย ทั้งบัวลอยน้ำขิงนุ่มหนึบ เต้าฮวยหอมกรุ่น และโรตีกรอบ ทอดร้อนๆ ตามสั่ง แป้งโรตีกรอบมาก กินเพลินสุดๆ แถมยังเลือกทอปปิงได้หลากหลาย ทั้งแยม นมข้นหวาน กล้วยหอม และลูกเกด หรือจะล้างปากด้วยผลไม้ก็มีให้เลือกมากมาย อาทิ แตงโม แคนตาลูป แก้วมังกร สับปะรด มะละกอ ฯลฯ       ใครอยากอิ่มจัดเต็มกันแบบยาวๆ ไปได้เลยที่ชั้น G โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ถนนรัชดาภิเษก อร่อยกันได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 – 24.00 น. ในราคาเพียง 499 บาท (สุทธิ) / ท่าน เท่านั้น (กินได้ไม่จำกัดเวลา) แถมช่วงนี้ยังมีโปรโมชั่นอร่อยสุดคุ้ม “มา 4 ท่าน ลด 20 เปอร์เซ็นต์” อีกด้วย   สำรองที่นั่ง พร้อมสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2290-0125 หรือ FB : Chaophya Park Hotel (BKK)