รายล้อมไปด้วยความเรียบง่ายของอาคารแถวเก่าแก่ภายในตลาดทรัพย์สินฯ แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา ณ มุมนึงที่เกือบติดกับแม่น้ำบางปะกงนั้นโดดเด่นสะดุดตาด้วยหน้าร้านที่แตกต่างไปจากอาคารแถวห้องอื่น ๆ จากกลิ่นอายของความคลาสสิคแบบตะวันตก อบอุ่นด้วยโทนสีเขียวเข้มและสีน้ำตาลจากไม้ พร้อมด้วยกระรอกตัวสีทอง ที่เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เรารู้ว่าได้มาถึง Beurre & Boulanger (เบิร์ค แอนด์ บูลองเช่) ร้านครัวซองต์เจ้าดังของแปดริ้วแล้ว ไม่ใช่แค่หน้าร้านเท่านั้นที่ต้อนรับด้วยโอบกอดที่แสนอบอุ่น เมื่อเข้ามาภายในแล้วก็จะได้รับอีกสัมผัสด้วยกลิ่นหอมกรุ่นของครัวซองต์อบใหม่ที่ชวนอุ่นไปทั้งใจพร้อม ๆ กับชวนน้ำลายสอในเวลาเดียวกัน และตรงกันข้ามกับตู้โชว์กระจกใจที่เรียงรายไปด้วยครัวซองต์มากหน้าหลายตานั้นคือห้องอบขนมที่เปิดให้ทุกคนได้เห็นกรรมวิธีการอบขนมกันสด ๆ การันตีว่าขนมของที่นี่โฮมเมดทุกชิ้นแน่นอน   Beurre & Boulanger มอบประสบการณ์การกินครัวซองต์ในแบบที่ต้องตาโตร้องว้าว เพราะเพียงแค่รสชาติ Plain นั้นก็มีให้ลองถึง 2 แบบด้วยกันคือ Butter Croissant A1 ครัวซองต์เนยฝรั่งเศสที่ให้กลิ่นหอมเนยเข้มข้น และ Butter Croissant A2 ครัวซองต์ที่ให้กลิ่นเนยฝรั่งเศสที่หอมนุ่มนวล โดยตัว A1 นั้นจะเป็นสูตรที่ทางร้านนำมาใช้กับครัวซองต์รสชาติซิกเนเจอร์อื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Crème Brûlée Croissant ครัวซองต์รสเครมบรูเล่ ที่ได้ทั้งความหอมเนยจากตัวแป้งและความนุ่มนวลจากเครมบรูเล่มาผสานกันอย่างลงตัว เสริมรสชาติด้วยผลไม้รสเปรี้ยวอย่างบลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ และส้ม Strawberry Matcha Croissant ก็เป็นอีกหนึ่งรสชาติยอดนิยมของร้าน เพราะการผสมผสานที่แตกต่างแต่ลงตัวของมัทฉะเข้มข้นแทรกรสชาติหวานนิด ๆ จากญี่ปุ่นกับรสชาติหวานอมเปรี้ยวของสตรอว์เบอร์รี่ บวกกับหน้าตาสุดอลังการและสีเขียวและแดงราวกับเทศกาลคริสต์มาส จึงเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ขึ้นกล้องสุด ๆ ส่วนของคาวที่ฮอตฮิตไม่แพ้กันต้องยกให้กับ Salmon Spinach Croissant ครัวซองต์เนื้อกรอบนอกนุ่มในโปะมาด้วยแซลมอนรวมควันชิ้นใหญ่ ผักโขม และชีส ที่ต้องเซอร์ไพรส์กับไส้ที่สอดมาแน่นๆ สามารถกินเป็นหนึ่งมื้อเบา ๆ ได้อยู่ท้องกำลังดี นอกจากครัวซองต์ที่นี่ก็มีเมนูเครื่องดื่มกาแฟ ช็อกโกแลต และชา ให้จิบคู่กันด้วย โดยมีเมนู Dark Chocolate เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะในแก้วนี้ใช้ช็อกโลแลตตัวเดียวกับที่ใช้ทำครัวซองต์ดาร์กช็อกโกแลตของร้านด้วย ไม่ใช่แค่ครัวซองต์เท่านั้นที่เป็นทีเด็ด ถ้าอยากลิ้มลองหลาย ๆ เมนู ที่นี่ก็ยังมีทั้งสโคนและฮันนี่โทสต์พร้อมเสิร์ฟด้วยเช่นกัน

“Dalah Restaurant” ร้านอาหารไทยที่ตั้งตระหง่านอยู่ใน Sheraton Hua Hin Pranburi Villas ท่ามกลางแมกไม้สีเขียวชอุ่มนานาพันธุ์ ให้คุณดื่มด่ำกับบรรยากาศสวยงามของธรรมชาติ พร้อมด้วยอาหารไทยรสเด็ด ที่มีทั้งคอมฟอร์ดฟู้ด และเมนูฤดูกาล ปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพ แถมยังมีไวน์รสเลิศที่ได้รับการคัดเลือกคุณภาพจาก ‘ไวน์ ออฟ เดอะ เวิลด์’ ให้สายดื่มจิบไม่รู้เบื่ออีกด้วย จานแรกเราสั่ง ปลาหมึกแดดเดียวปราณบุรี ปลาหมึกสดๆ ที่ส่งตรงมาจากชาวเล หมักซอสสูตรเฉพาะรสเค็มได้ที่ ทอดให้หอม กินคู่น้ำจิ้มหวานเข้ากัน คนรักเนื้อต้องสั่ง ลาบเนื้อสันในย่าง เนื้อสันในย่างเตาถ่านจนได้ความสุกพอดี ให้สัมผัสนุ่มฉ่ำลิ้น คลุกเคล้ากับเครื่องลาบหอมๆ อย่างเต็มพิกัด จนได้รสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ตามด้วย ยำกุ้งแชบ๊วยฟู เนื้อกุ้งแชบ๊วยเด้งๆ รสหวาน ทอดจนกรอบฟู ก่อนมิกซ์กับน้ำยำที่โดดเด่นด้วยรสหวาน และรสเปรี้ยวจากตัวมะม่วง ซดน้ำซุปร้อนๆ กับ แกงส้มไข่ปลาริวกิว ไข่ปลาริวกิวเนื้อนุ่มเด้ง ปลาเนื้อแน่น อยู่ในน้ำแกงส้มรสเปรี้ยวและเผ็ด ยังมี ทะเลผัดพริกเกลือ ที่รวมเอากุ้งเนื้อหวาน ปลาหมึกหนึบหนับ เนื้อปลาสดนุ่มหวาน ผัดพร้อมกระเทียมและพริกสดจนได้รสเข้มข้น กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา จานคอมฟอร์ดฟู้ดที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ล้างปากด้วยขนมหวานอย่าง Baked Pranburi Pineapple สับปะรดรสเปรี้ยวอมหวานแห่งอำเภอปราณบุรี ท็อปด้วยไอศกรีมกะทิโฮมเมดรสหวานมัน ชื่นใจ

Tag:

HOM (หอม) ห้องอาหารไฟน์ไดนิงใหม่ของ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท ตั้งอยู่ใน Sawan Pavillion ศาลาสีขาวซึ่งออกแบบให้งดงามราวกับสรวงสวรรค์ ระหว่างทางเดินไปห้องอาหารมีละอองน้ำที่จำลองว่าเป็นกลุ่มเมฆลอยผ่าน ส่วนการตกแต่งด้านในได้แรงบันดาลใจจากป่าหิมพานต์ชวนให้ตื่นตาตื่นใจ ไม่ใช่แค่บรรยากาศเท่านั้นที่พิเศษ แต่คอร์สเทสติงเมนูของ HOM ยังเป็นการทำงานร่วมกันของ เชฟริคาร์โด นูเนส (Chef Ricardo Nunes) และ เชฟมาเทโอ โพลังโค (Mateo Polanco) รังสรรค์จากวัตถุดิบท้องถิ่นผ่านเทคนิคการหมักดองแบบโบราณจนได้รสชาติใหม่ที่คาดเดายาก อาทิ เวลคัมดริงก์เสิร์ฟในกระถางต้นไม้ จิบแล้วสดชื่นจากเสาวรส น้ำสกัดจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และเกสรน้ำผึ้งให้เพลิดเพลินกับรูป รส กลิ่น เสียง Ruby Pomelo ส้มโอทับทิมสยามสีแดงสวยหมักด้วยดอกกุหลาบกลิ่นหอมบางๆ กระตุ้นความอยากอาหารเป็นอย่างดี Coconut, Caviar, Salted Macadamia ที่มีทั้งรสเค็มและหวานละมุนใน 1 คำ คาเวียร์รมควันจากฟาร์มหัวหินเสิร์ฟในชามที่ทำจากลูกมะพร้าวพร้อมเนื้อมะพร้าวอ่อน ซอสแมกคาดาเมียพูเร่ และลูกตาลดอง ก่อนกินเชฟแนะนำให้ใช้ช้อนขูดเนื้อมะพร้าวก่อนแล้วกินพร้อมกับคาเวียร์จะได้รสชาตินวลอยู่ในปาก Baby Squid, Tea Leave หมึกสดที่เชฟทำให้สุกด้วยเนยยีสต์ มาพร้อมน้ำซุปใสรสเค็มนิดเล็กน้อยและเปรี้ยวอ่อนๆ จากปลาหมึก ใบเมี่ยงดอง และมะนาวคาเวียร์ (Finger Lime) ที่บีบลงไปตอนท้าย Wild Boar เนื้อหมูป่าหมักจนได้รสเค็มกำลังดีจับคู่ซอสข้าวบาร์เลย์ โคจิ และทุเรียนดำ ส่วนของหวาน Sunflower เชฟนำเสนออามะซาเกะหรือสาเกหวานที่ทำจากข้าวของญี่ปุ่นในรูปแบบของเมล็ดทานตะวันอามะซาเกะพาร์เฟต์ โรยหน้าด้วยเกสรผึ้ง เสิร์ฟบนดอกทานตะวันสดที่เมื่อหยิบแล้วจะได้สัมผัสกลีบบางๆ ของดอกทานตะวันด้วย สนุกจนคำสุดท้าย

“Manita Café” คาเฟ่บรรยากาศโฮมมี่ที่เสิร์ฟเค้กโฮมเมดหน้าตาดี มาแล้วกว่า 10 ปี ตัวร้านโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้าของหมู่บ้านศุภาลัยการ์เด้นวิว จังหวัดระยอง ห้องกระจกใสที่ล้อมรอบด้วยสวนสวยเขียวขจีร่มรื่น ด้านในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีฟ้าน้ำทะเลสดใส เข้ากันดีกับผนังสีขาวเพนต์ลายการ์ตูนน่ารักรูปหม่ามี้จูงมือลูกสาว ซึ่งเปรียบเสมือนตัวเจ้าของร้านและ ‘น้องนิต้า’ ลูกสาวของเธอนั่นเอง จึงไม่แปลกที่เมนูใน Manita Café จะเน้นเสิร์ฟเป็นจานอร่อยที่น้องนิต้าชอบ ไม่ว่าเป็นแซนด์วิช ขนมเค้กโฮมเมด และเครื่องดื่มสดชื่น ที่ตกแต่งมาอย่างจัดเต็ม น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับน้องๆ หนูๆ นั่งเอง ตัวแรกเราสั่ง Ham Cheese Sandwich หอมกรุ่นมาแต่ไกล ขนมปังปิ้งชิ้นโตๆ ผิวนอกเกรียมนิดๆ ประกบชีสเยิ้มครีมมีและแฮมรสเค็มที่เรารัก ต่อด้วย Double Chocolate Fudge ชิ้นนี้สำหรับสาวกช็อกโกแลตโดยเฉพาะ เค้กช็อกโกแลตสไตล์โฮมเมดรสเข้มข้น ตัวแป้งให้สัมผัสนุ่มฟู สลับชั้นกับพุดดิ้งช็อกโกแลตรสหวานกำลังดี ตกแต่งด้วยวิปครีมและทองคำเปลวหรูหรา Coconut Malibu Cake หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ประจำร้าน เค้กมะพร้าวรสหวานมันเต็มพิกัดที่ได้จากกะทิสด เนื้อสัมผัสนุ่มแน่นกินเพลินๆ จิบคู่ Strawberry Shakerato Lemonade กาแฟเย็นสไตล์อิตาเลียนรสเข้มพอเหมาะ เคล้าน้ำสตรอว์เบอร์รีรสเปรี้ยวอมหวาน และน้ำเลมอน สดชื่น เอาใจคนรักกาแฟต่อเนื่องด้วย Manita Coffee Frappe กาแฟสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติจากเอสเปรสโซ่ช็อต  คาราเมล หอมหวาน ถั่วเฮเซลนัท ซินนามอน และเจลลี่ เนื้อนุ่มเด้ง จิบคลายร้อนชื่นใจ

คาเฟ่ฮอปเปอร์คนไหนมีโอกาสมาเที่ยวจังหวัดระยองต้องลองแวะ “Luscious Garden Café” คาเฟ่สไตล์อังกฤษร่มรื่นที่เย้ายวนคุณด้วยอาหารโฮมคุกสูตรคุณแม่ และขนมอบร้อนๆ จากเตา มาพร้อมบรรยากาศเย็นสบายจากสวนสวยสไตล์อังกฤษ แวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจี ที่คุณสามารถพาน้องหมาและแมวมาวิ่งเล่นได้อย่างสบาย (Pet Friendly)  ส่วนด้านในเป็นโซนห้องแอร์เย็นฉ่ำที่เน้นการตกแต่งด้วยสีขาวนวลเป็นหลัก ทั้งผนังอิฐแข็งแรง เฟอร์นิเจอร์ และเคาน์เตอร์บาร์รับออเดอร์ เรียกน้ำย่อยกันก่อนกับ สลัด Luscious เมนูดาวเด่นที่ใครมาก็ต้องสั่ง หมูย่างเนื้อนุ่มหอม กินกับไข่ต้มอิ่มเอม และผักสลัดกรุบกรอบ ราดน้ำสลัดสูตรเฉพาะที่ได้รสชาติหวานมันจากถั่ว มีเค็มปลายเล็กๆ ผสานกับความหอมของงาขาว ต่อด้วย ซุปเนื้อน่องลาย เนื้อคุณภาพตุ๋นได้ที่จนเนื้อสัมผัสนุ่ม อยู่ในน้ำซุปรสนุ่มนวลซดง่าย เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเผ็ดแซ่บ มาทางฝั่งของหวานกับบ้างดีกว่า เค้กครีมสดผลไม้ ที่เราเทใจให้เลย เค้กวานิลลาเนื้อนุ่มฟู สลับชั้นกับครีมสดครีมมี ท็อปด้วยผลไม้สดต่างๆ เช่น ส้มแมนดาริน องุ่นแดง เบอร์รีและสตรอว์เบอร์รี ก่อนกินราดนมสดเข้มข้นลงไปฟินสุดๆ เค้กมะพร้าวใบเตย โดดเด่นด้วยความหวานมันจากครีมสดที่ทำจากน้ำมะพร้าวหวานฉ่ำ เค้กเนื้อฟู หอมกลิ่นหอมใบเตย จิบพร้อม Big Red Sun Milk Tea ชานมเคนยาหอมฟุ้งรสหวานมัน มีไข่มุกบุกให้คุณดูดเพลินๆ ท็อปด้วยครีมชีสสูตรเด็ดที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ ก่อนกลับจิบชาร้อนล้างปากสบายใจ

1 Degrees North Cafe & Eatery” คาเฟ่แสนสวยยืนหนึ่งในปั้ม PT 1 องศา อเวนิวของ 2 พี่น้องคาเฟ่ฮอปเปอร์อย่างคุณแก้มและคุณกิฟ ตัวร้านเป็นบ้านโมเดิร์นสีขาวโพนตัดด้วยสีน้ำตาลไม้ กระจกใสแผ่นใหญ่หลายบานทำให้เรามองเห็นด้านในที่ตกแต่งเป็นสไตล์มินิมอล เรียบง่ายแต่น่านั่ง เฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลอ่อน เข้ากันดีกับผนังสีขาวสะอาดตา เติมความมีชีวิตชีวาด้วยต้นไม้กระถางน่าชม เมนูแรกเราสั่งเป็น Cotta Series ชาไทยรสหวานมันที่เพิ่มความเข้มข้นอย่างเต็มพิกัดด้วยนมสดคุณภาพ และฟองนมตีสดที่ให้สัมผัสละมุนลิ้น ตามด้วย Butter Beer ที่เป็นการรวมตัวกันของน้ำโซดาซาบซ่าสดชื่น ไซรัปบัตเตอร์สกอตช์รสหวานหอม และครีมชีสครีมมีที่ให้รสเปรี้ยวเล็กๆ ตบท้ายด้วย Double Dalgona Coffee กาแฟรสเข้มพอดี ผสานกับความหวานละมุนของทัลโกนา และนมสดหอมมัน ด้านบนตกแต่งด้วยฮันนีคอมบ์กรุบกรอบ ยังมีเครื่องดื่มหลายตัวเลยที่น่าจิบ

สายฟู้ดคนไหนแวะเวียนมาที่อำเภอบ้านฉางแห่งจังหวัดระยองอย่าลืมปักหมุด “MISAHOUSE” คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นของคุณนุ้ย – ณัชชา สุขสุภกิจ บิวตี้บล็อกเกอร์คนเก่งผู้ซึ่งรักการทำขนม (โดยเฉพาะขนมญี่ปุ่น) เป็นชีวิตจิตใจ เธอศึกษาการทำขนมจนเชี่ยวชาญก่อนกลับมาสานต่อกิจการร้านนี้ของครอบครัว และพัฒนาคอนเซ็ปต์และการตกแต่งให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่า มิสะเฮาส์นั้นเน้นเสิร์ฟ ‘ขนมญี่ปุ่น’ ทำเองควบคู่กับเครื่องดื่มรสสดชื่นที่คุณนุ้ยมักคิดสูตรใหม่ๆ อยู่เสมอ เสิร์ฟในบรรยากาศที่ภายนอกเป็นสวนสวยร่มรื่น ส่วนภายในร้านให้คุณสบายตาไปกับโทนสีขาวครีมในแบบฉบับมินิมอล เมื่อถึงเวลายามเย็น ทางร้านจะเปลี่ยนเป็นบาร์นั่งชิลเอาใจสายดื่มโดยเฉพาะ และนอกจากคาเฟ่แล้ว ภายในพื้นที่นี้ยังมีโฮสเทลราคาดีที่เป็นอีกหนึ่งกิจการของคุณนุ้ยเช่นกัน ต้อนรับด้วย วาราบิ สไตล์โฮมเมดทำสดใหม่ทุกเช้า เนื้อนิ่มนุ่มรสหวานเล็กๆ คลุกเคล้าผงถั่วคินาโกะหวานมัน ก่อนกินราดน้ำตาลทรายแดงเคี่ยวคุโรบิซึลงไป ต่อด้วยขนมหวานที่หลายคนเลิฟ โมจิหยดน้ำ เนื้อนุ่มเด้ง กินเพลินๆ เสิร์ฟเคียงผงถั่วคินาโกะรสหวาน ซอสคุโรบิซึที่คุ้นเคย ตัดเลี่ยนด้วยชาร้อนรสนุ่ม สาวกขนมญี่ปุ่นอย่าลืมสั่ง บุรามันเจะ พุดดิ้งนมถั่วเหลืองนิ่มๆ ครีมมี่ ตัดด้วยรสหวานของผงถั่วคินาโกะ และน้ำตาลเคี่ยวโรบิซึ ตามมาติดๆ กับ โมจิซากุระ แป้งโดเมียวจิสุชมพูอ่อนหวาน สอดไส้ถั่วแดงกวนเนื้อเนียน ห่อด้วยใบซากุระหอมฟุ้ง ยังมีเบเกอรีน่าสนใจอย่าง ชีสเค้กเลมอน ครัมเบิ้ลกรุบกรอบเป็นฐานล่าง ตามด้วยครีมชีสรสเปรี้ยวนิดๆ และเลมอนเคิร์ดรสเปรี้ยวอมหวาน เครื่องดื่มแนะนำ Rosy Float ชาผลไม้หอมๆ ได้ความหวานจากไซรัปกุหลาบผสมกับน้ำโซดาซาบซ่า ท็อปด้วยไอศกรีมวานิลลาชื่นใจ ส่วนใครคอกาแฟจะสั่ง Americano รสเข้มมาจิบช่วยกระตุ้นตอนเช้าก็ไม่ว่ากัน

“Cherocco Beach Club” บีชคลับน่าเช็คอินแห่งจังหวัดระยอง ตัวร้านโดดเด่นด้วยสไตล์โมร็อกโกน่าแชะรูปทุกมุม ผนังทุกส่วนมีส่วนเว้าโค้งดูแล้วเข้ากันดีกับบรรยากาศชิลๆ ที่หาดแสงจันทร์ ดื่มด่ำกับเสียงคลื่นและลมทะเลอย่างเต็มพิกัด พร้อมด้วยอาหารนานาชาติ และเครื่องดื่มชื่นใจ ป.ล ยามค่ำคืนที่นี่เขามีค็อกเทลรสชาติดีเสิร์ฟด้วยนะ ประเดิมด้วย เอ็นหอยจอบซาชิมิ เอ็นหอยจอบสดๆ ที่ส่งตรงจากชาวเล ผ่านการแล่อย่างดี ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดเปรี้ยว ตามด้วย กุ้งแม่น้ำราดซอสมะขามหมี่กรอบ กุ้งทอดตัวโตๆ ส่งกลิ่นหอม เสิร์ฟพร้อมหมี่กรอบกินเพลิน ราดน้ำจิ้มมะขามสูตรเฉพาะที่ให้รสหวานและเค็ม สปาเก็ตตีผัดพริกเกลือปูนิ่ม เส้นสปาเก็ตตีเหนียวนุ่ม ผัดพร้อมพริกแห้งร้อนแรง และกระเทียมกลิ่นหอม แถมยังมีปูนิ่มตัวใหญ่กรอบนอกนุ่มใน ถูกใจสาวกซีฟู้ด อย่าลืมสั่ง ขาหมูเยอรมัน ขาหมูชิ้นโตอลังการ ที่มีหนังกรอบๆ และเนื้อภายในชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมผักดองรสเปรี้ยว และน้ำจิ้มที่มีให้คุณเลือกอร่อยถึง 2 สูตร อาทิ น้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ และน้ำจิ้มซีอิ๊วหวาน ปิดท้ายด้วย Horlicks Cake เค้กช็อกโกแลตเนื้อนุ่มฟู สลับชั้นกับครีมมอลต์รสหวานมัน ท็อปด้วยอัลมอนด์กรุบกรอบ

มิชลินไกด์ปี 2019 แนะนำทั้งทีสายฟู้ดอย่างเราจะพลาดได้อย่างไรกับ “ก๋วยเตี๋ยวกั้งบ้านเพ” ร้านก๋วยเตี๋ยวเลื่องชื่อที่โดดเด่นด้วยน้ำซุปสูตรอร่อย สืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านกรรมวิธีเคี่ยวข้ามคืนจนได้น้ำซุปต้มยำรสกลมกล่อม และความมันนัวจากซอสต้มยำสูตรเฉพาะของร้าน ยิ่งเคล้ากับซีฟู้ดสดเด้งจากชาวเลยิ่งทวีความฟินเข้าไปใหญ่ ครั้งนี้เราแวะมาชิมที่สาขาดั้งเดิม ‘จังหวัดระยอง’ อร่อยกับก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ เสร็จแล้วก็เดินชมทะเลชิลๆ ต่อเลย จานแรกที่สั่งเป็น ปอเปี๊ยะกั้ง ตัวแป้งเป็นสีเหลืองทองให้สัมผัสกรอบๆ สอดไส้กั้งเนื้อแน่นๆ และผักสดต่างๆ ราดน้ำจิ้มหวานเข้ากันดี ตามด้วย ห่อหมกบ้านเพ ห่อหมกร้อนๆ รสชาติเข้มข้น ทำจากเนื้อปลาอินทรีย์สดหวานของตำบลบ้านเพ คลุกเคล้ากับเครื่องแกงรสเผ็ดพอดี ผัดไทยกั้ง เส้นผัดไทยนุ่มกำลังดี กินเพลิน มิ๊กซ์กับซอสมะขามสูตรลับที่โดดเด่นด้วยรสเปรี้ยวหวาน และกั้งตัวโตเนื้อสดที่คนรักซีฟู้ดเห็นแล้วต้องน้ำลายสอ ห้ามพลาดกับ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำข้น มันกุ้ง กั้ง ทะเล เนื้อปู เบสเป็นน้ำซุปต้มยำรสเผ็ดพอดี กินพร้อมเครื่องเคราต่างๆ อย่าง กั้งตัวใหญ่ๆ ปูเนื้อหวาน กุ้ง เนื้อเด้ง หมึก หนึบหนับ เกี๊ยวปลา และลูกชิ้นปลา ก๋วยเตี๋ยวแห้งยำ มันกุ้ง กั้ง ทะเล เนื้อปู ก็น่าสนใจ ยกขบวนซีฟู้ดอย่าง กั้งเนื้อหวานตัวบิ๊กเบิ้ม และเนื้อปูมหาศาล ราดพริกสดรสเผ็ดร้อน แซ่บถึงใจ หรือใครชอบก๋วยเตี๋ยวน้ำใสต้องนี่เลย  ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส มันกุ้ง กั้ง ทะเล เนื้อปู น้ำซุปรสนุ่มนวลซดเพลินๆ ซู้ดพร้อมเส้นหมี่เหนียวนุ่ม และอาหารทะเลที่เรารัก ก่อนกลับต้องจิบชามะนาวเย็นๆ ชื่นใจก่อน

Tag:

เรื่องดีๆ ที่ต้องขยาย ช่วงวีคเอนด์ที่ผ่านมาเราพากลุ่มก๊วนไปเที่ยวพัทยาแล้วแวะฝากท้องที่ Radius ห้องอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องเมนูเด็ดกับวิวสวยๆ บรรยากาศโปร่งโล่งนั่งรับลมเย็นๆ เดิมทีแพลนว่าจะเที่ยวหลายที่ สรุปอิ่มปุ๊บไม่อยากลุกไปไหนแล้ว Radius เป็นห้องอาหารริมทะเลอยู่ใน Cape Dara Resort Pattaya นั่งชิลได้ทั้งวัน แต่เราอยากแนะนำช่วงเย็นเป็นพิเศษ รีบมาให้ไวแล้วจับจองโต๊ะหน้าเพราะว่านี่คือที่สุดของวิว เราจะได้กินไปชมพระอาทิตย์ตกน้ำไปในมุมมองแบบพาโนรามา ส่วนเมนูเป็นฟิวชั่นที่พอชชั่นใหญ่มาก สั่งมาแชร์กันได้หลายคน เด่นๆ ที่อยากให้ลอง ได้แก่  Pizza Signature พิซซ่าหน้าแน่น โรยสลัดร็อกเก็ตและชีสพาเมซาน เราชอบความกรอบบางฉ่ำซอสสูตรเข้มข้น นานๆ ทีจะกินพิซซ่าได้หลายชิ้นแบบไม่อิ่มจุก แล้วยังเก็บพุงไว้กินจานอื่นได้อีกสบายๆ Pasta Penne Pasto Sauce ในขบวนพาสต้าทั้งหลายที่ได้ใจเรามากที่สุดคือพาสต้าซอสเพสโต ซึ่งที่นี่ก็ไม่ทำให้เราต้องผิดหวัง รสสัมผัสเข้มข้นมันนัว หอมกลิ่นโหระพา กระเทียม น้ำมันมะกอก และพาเมซานชีส ละเลียดกันแบบหมดจดแทบไม่รู้ว่าอดีตคืออะไร อีกจานคือ Japan Salmon สลัดแซลมอนสไตล์ญี่ปุ่น เด่นที่แซลมอนสไลซ์ชิ้นใหญ่ๆ เพิ่มความสดชื่นด้วยสลัดร็อกเก็ต อะโวคาโด หอมใหญ่ โรยงาขาวและงาดำ ราดตามด้วยน้ำสลัดรสเปรี้ยวนิดๆ ทั้งอร่อยทั้งชิลแบบนี้นั่งยาวๆ ที่นี่แล้วกัน

คนรักมาการองต้องร้องว้าว! เพราะวันนี้เราจะมาชี้เป้าร้านมาการองโฮมเมดเมดแห่งโลกออนไลน์ชื่อ “Macarons Shop” เจ้าของร้านคือคุณส้ม มาการองเลิฟเวอร์ที่ศึกษาการทำขนมชนิดนี้ด้วยตัวเอง โดยได้เคล็ดลับมาจากคุณแม่ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์สอนทำอาหาร ผสานกับการเรียนรู้ด้วยตัวเองจากยูทูป จนเธอสามารถครีเอทมาการองไส้อ้วน (ครีมเยอะ) สไตล์เกาหลี และ ‘มากาเรล’ ขนมใหม่ที่คุณส้มคิดขึ้นมาเอง มากาเรล คือขนมหวานที่ผสมผสานระหว่างมาการองและซีเรียล รวมกันเป็นฝามาการองไซส์มินิหลายรสชาติ ได้แก่ รสดั้งเดิม รสกาแฟ รสมัตฉะ เสิร์ฟมาในรูปทรงน่ารักน่าถ่ายรูป ที่สายหวานสามารถกินเปล่าๆ ได้อย่างฟินๆ หรือจะกินคู่กับนมสดเพื่อเป็นมื้อเช้าก็ไม่ว่ากัน   ประเดิมเมนูแรกด้วย Original Macareal มาราเรียลรสดั้งเดิม เพิ่มเติมคือรูปทรงน่ารักต่างๆ เช่น ดวงดาว สายรุ้ง ไข่ดาว รสหวานกลมกล่อมกินเพลินๆ สายหวานถูกใจสิ่งนี้ Floral Macareal มากาเรียลไซส์มินิกินง่าย ครีเอทเป็นรูปดอกไม้คิวท์ๆ นานาพันธุ์ ตามด้วย Tropical Macareal มากาเรียลชิ้นเล็กรสหวานละมุนที่มาในธีมของผลไม้ฤดูร้อนอย่าง มะม่วง สับปะรด กล้วย เป็นต้น คนรักชาเขียวต้องสั่ง Matcha Macareal มากาเรียลสไตล์โฮมเมดรสหวานพอดี ผสานกับผงมัตฉะหอมๆ เข้ากันดีกับนมจืดหอมมัน ต่อด้วย Coffee Macareal สำหรับคอกาแฟโดยเฉพาะ มากาเรียลสไตล์โฮมเมดมิ๊กซ์กับกาแฟรสเข้มพอเหมาะ ท็อปด้วยช็อกโกแลตชิปเพื่อความเข้มข้นอีกที และ Strawberry Macareal ที่โดดเด่นด้วยรสสตรอว์เบอร์รีหวานหอม จับคู่นมสดครีมมีนี่แหละเหมาะเหม็ง ร้านนี้เหมาะกับสายหวานตัวจริง

ห้องชาสุดโปรดของสายมัตฉะ ที่จำลองบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นมาให้สัมผัสได้ในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยทางร้านคัดสรรมัตฉะรสชาติเยี่ยมจากไร่ชาคุณภาพในประเทศญี่ปุ่น มารังสรรค์เป็นสารพัดเมนูขนมหวานและเครื่องดื่มสุดพิเศษ ที่ใครได้ลองเป็นต้องอิ่มใจ ตัวร้านตกแต่งออกมาคล้ายกับบ้านไม้หลังใหญ่แบบญี่ปุ่นโบราณ ภายในแบ่งเป็นพื้นที่ดื่มชาปูด้วยเสื่อทาทามิ และโซนโต๊ะเก้าอี้หลายที่นั่งเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า สำหรับโซนเอาต์ดอร์ก็ชวนให้เรารู้สึกอบอุ่นใจด้วยชานระเบียงไม้ ที่ยื่นออกไปใกล้ชิดกับสวนเซน และน้ำตกจำลอง ทำให้การจิบชาเพลิดเพลินขึ้นเป็นอีกเท่าตัว ในส่วนของเมนูทางร้านมีให้เลือกทั้งเครื่องดื่ม เบเกอรี่โฮมเมด และขนมหวาน เราเลือกเป็น Matcha Parfait (239.-) ไอศกรีมมัตฉะเนื้อเนียนเข้มข้น ผสานความอร่อยกับมัตฉะกรานิตา โมจิเนื้อหนึบหนับ ถั่วแดงกวน คอร์นเฟล็กส์กรุบกรอบ และเจลลี 3 รสชาติ หลากหลายรสสัมผัสภายในคำเดียว Ichigo Mochi (119.-) แป้งโมจิเหนียวนุ่ม สอดไส้ครีมสดนำเข้าจากฝรั่งเศส มาสคาโปน และซอสสตรอว์เบอร์รีโฮมเมดที่หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นวานิลลาอ่อนๆ และผิวเลมอน กินแล้วสดชื่น

หน้าร้านสีขาวสะอาดพร้อมหน้าต่างบานใหญ่ของร้านน้องใหม่ริมถนนสุขุมวิท อ.เมือง จ.ระยอง ให้บรรยากาศราวกับเป็นร้านคาเฟ่มินิมัล แต่เมื่อก้าวข้ามผ่านบานประตูเข้าไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ ของประดับประดาแบบย้อนยุค รวมไปถึงเพลงลูกทุ่งไทยท่วงทำนองสนุกสนาน ทั้งหมดนี้ช่วยสร้างบรรยากาศที่แสนเป็นกันเอง ราวกับอยู่บ้านเพื่อน สมชื่อฉันลมิตร หรือ ‘ฉันมิตร’ ในเวอร์ชั่นเหน่อ ๆ สไตล์ระยองฮิ จนลืมภาพความมินิมัลไปจนหมด กลิ่นหอม ๆ ของวัตถุดิบเครื่องแกง สมุนไพรท้องถิ่นที่หอมคละคลุ้งเตะจมูกทันทีนั้น ชวนให้ผู้มาเยือนได้ประทับใจตั้งแต่แรกพบ เมนูอาหารที่ฉันลมิตรจะมาในรูปแบบของอาหารไทยสไตล์ระยอง ที่ไม่ทำให้เสียชื่อเมืองติดชายทะเลด้วยการคัดสรรวัตถุดิบสด ๆ จากเรือประมง นำมาผสมผสานไปกับการปรุงในแบบฉบับของฉันลมิตรที่แอบใส่ลูกเล่นและความคิดสร้างสรรค์ลงไปนิด ๆ หน่อย ๆ ชวนตื่นเต้น แต่รสชาติอาหารแบบฉบับดั้งเดิมก็ยังคงอยู่ไม่หายไปไหน เริ่มต้นด้วยเมนูพิเศษของร้าน กินเล่นเพลิน ๆ อย่าง ไส้กรอกหมูสะเต๊ะ และอาจาดตะลิงปลิง ไส้กรอกโฮมเมดที่ฉันลมิตรตั้งใจแปลงโฉมเมนูเรียกน้ำย่อยแบบเดิม ๆ เสียใหม่ โดยนำเครื่องหมักหมูสะเต๊ะมาผสมกับเนื้อหมูทำเป็นไส้กรอก เสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้มอาจาดที่เพิ่มเติมความพิเศษด้วยตะลิงปลิงหั่นเป็นชิ้นเล็ก ให้รสเปรี้ยวเคี้ยวสนุก อีกจานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารท้องถิ่นก็คือ ยำปลาหมึกย่างใส่องุ่น น้ำจิ้มพริกเกลือเจือกะทิ ที่หยิบเอา ‘พริกกลือ’ หรือน้ำจิ้มซีฟูดของคนภาคตะวันออกมาทำเป็นน้ำยำ ใส่ถั่วตัดรสหวาน สัมผัสกรุบ ๆ มาสร้างสมดุลให้กับรสเผ็ดเปรี้ยว และเพิ่มความนุ่มนวลแบบภาคกลางด้วยกะทิ คลุกเคล้าเข้ากับหมึกย่างน้ำปลาเนื้อเด้งหวาน เพิ่มความสดชื่นด้วยผลไม้ตามฤดูกาล แกงเขียวหวาน ปลาอินทรีย่าง ใส่กล้วยน้ำว้าดิบ เป็นหนึ่งในเมนูที่อวดความอุดมสมบูรณ์ของอาหารทะเลเมืองระยองได้ดีทีเดียว เพราะชามนี้ยกปลาอินทรีย่างเนื้อในฉ่ำ ๆ ด้วยวิธีการเสียงไม้ย่างเกลือแบบญี่ปุ่นมาจับคู่กับน้ำแกงเขียวหวานเข้มข้น ขลุกขลิก สอดแทรกด้วยสัมผัสหนึบ ๆ จากกล้วยน้ำว้าดิบทดแทนมะเขือ แถมยังอมเปรี้ยวเล็ก ๆ ช่วยตัดเลี่ยนและเพิ่มไฟเบอร์ให้กับเมนูนี้อย่างลงตัว                             มาเยือนระยองก็ต้องได้กินแกงของท้องถิ่นอย่างเมนูนี้ แกงเผ็ดระยอง คอหมูย่างน้ำผึ้ง ใส่แขนงสับปะรด แกงป่าเผ็ดกับวัตถุดิบท้องถิ่นที่ขาดไม่ได้อย่างดอกผักชีไร่ มีสีเหลืองน่ารับประทานจากหัวไพลและขมิ้น ได้กลิ่นหอมและเผ็ดซ่าแล็กน้อยจากหน่อกระวานอ่อน ส่วนคอหมูนั้นผ่านหมักน้ำผึ้งแล้วย่างจนมีความหวานหนึบ หอมกลิ่นสโม้ก พอดีกับรสชาติเค็มเผ็ดของน้ำแกง เพิ่มรสเฝื่อนเล็กน้อยจากแขนงสับปะรด เป็นความครบรสที่กินกับข้าวสวยร้อน ๆ แล้วยิ่งน่าประทับใจ ด้วยวัตถุดิบจากท้องทะเลสุดหลากหลาย ฉันลมิตรก็มักจะมากับเมนูพิเศษอยู่เรื่อย ๆ ใครที่ชื่นชอบอาหารทะเลสดใหม่ บวกกับรสชาติอาหารที่เข้มข้นด้วยกลิ่นอายตำรับระยอง แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ต้องชวนญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมสนุกและอร่อยแบบฉันมิตรอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

หากพูดถึงของฝากช่วงเทศกาลพิเศษต่างๆเราขอฝากของดีของแซ่บอีกรายการของตลาดหนองมน เมืองชลบุรี อย่าง ‘น้ำพริกปลาหมึก’ ด้วยชุดพิเศษ “Squid Chili Paste Lover” เอาใจคนรักน้ำพริกจากแบรนด์ “หนองมน ดิลิเชียส” เอาไว้ในอ้อมใจสายฟู้ดเลย น้ำพริกปลาหมึกรสกลมกล่อมเสิร์ฟในสไตล์ต่างๆ อาทิ น้ำพริกปลาหมึกตาแดง น้ำพริกปลาหมึกพริกเผา และน้ำพริกปลาหมึกมะขาม ผลิตจากปลาหมึกแท้ๆ ถึงรสถึงเครื่องเด็ดดวง แบรนด์หนองมน ดิลิเชียส ได้ครีเอททำเป็นเซ็ตของฝากหลากหลายรูปแบบ แต่เราเลือกสั่ง Special Set เซ็ตของขวัญสุดพิเศษที่ประกอบไปด้วย น้ำพริกปลาหมึกรสตาแดง รสเผ็ดตามแบบฉบับตาแดงสำหรับคนที่ชอบความเผ็ดร้อน ขนาด 60g และขนาด 120g   น้ำพริกปลาหมึกรสพริกเผา ให้รสเผ็ดพอดี คลุกข้าวรสชาติดีมาก ขนาด 60g และ 120g   น้ำพริกปลาหมึกรสมะขาม ให้รสเปรี้ยวของมะขามแบบกลมกล่อม ขนาด 60g และขนาด 120g  และในเซ็ตยังมี น้ำพริกปลาหมึก ในรูปแบบซอง พร้อมรับประทาน พกพาสะดวกให้คุณอร่อยง่ายๆ เพียงแค่ฉีกซอง นอกจากนี้ยังมี ชุด NewYear (NY-D) ที่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาของฝากน่ารักๆ ที่ทางแบรนด์จัดเซ็ตเสิร์ฟมาในกล่องตะกร้าสานสวยงามตะดุดตา พร้อมน้ำพริกปลาหมึก ทั้ง 3 รสชาติ จะสั่งซื้อฝากหรือสั่งกินเองก็ฟินมากเหมือนกัน

ปัวโรต์ (Poirot) เป็นชื่อห้องอาหาร (หรือถ้าจะให้ถูกต้องเรียกว่า ”ตู้รถไฟ”) ที่เสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสต้นตำรับ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล เขาใหญ่ รีสอร์ต (InterContinental Khao Yai Resort) โรงแรมแห่งใหม่ในคอนเซ็ปต์ที่จะพาเราย้อนอดีตไปสู่ยุคทองของการเดินทางด้วยรถไฟในบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยความร่มรื่นของพื้นที่เขาใหญ่ไม่ไกลนักจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่อย่าคิดว่านี่เป็นเพียงตู้เสบียงธรรมดาๆ เพราะเชฟที่นี่พร้อมเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสสุดหรูให้แขกที่มาเยือนได้ละเลียดอาหารพลางดื่มด่ำไปกับธรรมชาติกลางป่าเขาได้อย่างสุดชิล เสมือนหนึ่งเรานั่งอยู่ในตู้เสบียงชั้นเฟิร์สคลาสของขบวนรถไฟสุดหรูที่กำลังวิ่งผ่านเทือกเขาในยุโรป เพียงก้าวขึ้นมาบนตู้รถไฟขบวนอร่อยนี้ เราก็จะตกลงไปสู่ห้วงบรรยากาศที่หรูหราและคลาสสิกในโทนสีเหลืองทองและไม้เนื้อเข้ม ชวนให้นึกถึงฉากสวยสะกดจากภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยายสืบสวนชื่อดังของอกาธา คริสตี้ “Murder On The Orient Express” ที่มีตัวละครคุณลุงหนวดงาม แอร์กูล ปัวโรต์ เป็นผู้ดำเนินบทบาทนักสืบ ไม่ผิดแน่ ชื่อปัวโรต์ของห้องอาหารแห่งมีที่มาจากนิยายชื่อดังเรื่องนี้นั่นเอง นอกจากโซนในตู้รถไฟแล้ว หากอยากสัมผัสอากาศที่เริ่มเย็นสบาย ยังสามารถเลือกนั่งโซนเทอร์เรส ซึ่งตกแต่งไว้อย่างสวยงามไม่แพ้กัน เลือกที่นั่งได้ดั่งใจแล้วก็ลงมือสั่งอาหารกันเลย เมนูอาหารที่นี่มีไม่มากแต่มีครบเมนูคลาสสิกสไตล์ฝรั่งเศสที่หลายคนหลงรัก เริ่มด้วยอะมูสบุช เพสต์ตับบดบนขนมปังกรอบ ก่อนนำเข้าสู่จานแรก Wagyu Beef Tartare ทาทาร์เนื้อวากิวปรุงรสได้อย่างเข้มข้นท็อปด้วยไข่นกกระทาดอง เคียงมากับสลัดผักสดใหม่ เสิร์ฟพอร์ชั่นใหญ่ให้อร่อยเต็มคำ จานต่อมา Potato Leek Soup ซุปมันฝรั่ง ต้นหอม และทรัฟเฟิล เสิร์ฟคู่กับบาบ้าอบใหม่ กินด้วยกันคือครีมมี่ละมุนละไมมาก ส่วนจานหลักมีให้เลือกครบทั้งเนื้อวัว เนื้อหมูอิเบริโค่ เนื้อแกะ และจานปลา เราขอแนะนำเมนูคลาสสิกของคนรักเนื้ออย่าง Beef Bourguignon เนื้อออสเตรเลียนวากิวส่วนเทนเดอร์ลอยน์ตุ๋นในซอสไวน์แดงเข้มข้น เสิร์ฟกับมันบดเนื้อนวลเนียนละเอียดและเบคอนรมควันชิ้นโต เป็นจานที่คนรักเนื้อพลาดไม่ได้ หากไม่กินเนื้อลองสั่ง Saddle of Lamb เนื้อแกะม้วนสอดไส้สตัฟฟิ่งเห็ดและทรัฟเฟิล เสิร์ฟกับมันบดและซอสเนื้อแกะ (lamb jus) สำหรับของหวาน คนรักสตรอว์เบอร์รีต้องยอมใจให้กับขนมหวานสีสวยจานนี้ Strawberry Flembée ที่ใช้สตรอว์เบอร์รีโครงการหลวงลูกเบ้อเริ่มมาทำเฟลมเบ้ให้หวานนุ่มฉ่ำนอกแต่ด้านในยังกรอบ เสิร์ฟกับไอศกรีมโฮมเมดรสน้ำผึ้งจากเชียงใหม่หวานกลมกล่อมหอมน้ำผึ้งแตะจมูกเลยทีเดียว หากมีโอกาสมาเที่ยวที่เขาใหญ่ แวะมาฝากท้องที่ตู้รถไฟแสนอร่อยของนักสืบหนาวดงามคนนี้กันได้ และถ้าอยากได้เครื่องดื่มดีๆ สักแก้วก่อนหรือหลังอาหาร ตู้รถไฟขบวนติดกันยังเป็นที่ตั้งของ Papillon Bar บาร์ที่ตกแต่งในสไตล์วินเทจเรียบหรู พร้อมเสิร์ฟคลาสสิกเฟรนช์ค็อกเทลและซิกเนเจอร์ค็อกเทลให้ได้ลิ้มลองกันไปยาวๆ ตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน

“House of Kin Restaurant” ร้านบุฟเฟต์นานาชาติที่เสิร์ฟความอร่อยตลอดวันประจำโรงแรมเซ็นทารา โคราช โรงแรมสไตล์ไทย – อีสานเปิดใหม่แกะกล่องที่มีความหมายว่า “บ้านของเครือญาติ” โดยคำว่า ‘Kin’ ในภาษาอังกฤษ แปลว่า ญาติ จึงเป็นแนวคิดของร้านที่เน้นกลุ่มครอบครัว และเพิ่มความโดดเด่นด้วยอาหารที่หลากหลายจานอร่อยสไตล์ตะวันตก ไทย ญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีอาหารทะเลเอาใจคนรักซีฟู้ดด้วย เริ่มด้วยเมนูสุขภาพอย่าง สลัดมะเขือเทศสไตล์อิตาเลียน มะเขือเทศหั่นแว่นรสเปรี้ยวหวาน โรยด้วยชีสครีมมี ขนมปังกรอบ และน้ำมันมะกอก ยำสาหร่าย ยำสาหร่ายญี่ปุ่น รสสดชื่นเหมาะจะเรียกน้ำย่อย ซาซิมิ มีทั้งแซลมอนเนื้อสด ปูอัดเนื้อแน่น จิ้มวาซิบิรสเผ็ดซ่า และโชยุเข้ากัน ตามด้วย กริลล์ชีสแซนด์วิช ขนมปังโฮลวีตปิ้งหอมๆ ประกบแฮมและชีสน่าอร่อย เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอด เห็ดรวมผัดเนยซอสเทอริยากิ ก็รสชาติดี เห็ดนานาชนิดผัดพร้อมเนยและซอสเทอริยากิรสหวานพอดี เอาใจคนรักหอยด้วย ซีฟู้ดหอยรวม ฟินไปกับหอยตัวอวบอ้วนต่างๆ อาทิ หอยหวาน หอมแมลงภู่ หอยตลับ เข้ากันดีกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดเปรี้ยว มาถึงเมนูของชาววีแกนกันบ้างกับ เต้าหู้ญี่ปุ่น ราดซอสงา เต้าหู้ญี่ปุ่นนุ่มนิ่ม ราดซอสงาหอมๆ รสเค็มหวาน กินอร่อย ยังไม่อิ่มสั่ง สเต๊กหมูย่างซอสพริกไทยอ่อน สเต๊กหมูชิ้นใหญ่ๆ ย่างความสุกพอดีกิน เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟคู่ซอสพริกไทยดำรสเค็มพอเหมาะ และผักย่าง ยังมี สปาเกตตีผัดกระเทียมเบคอน สาวเส้นยาวๆ กันเพลินๆ เส้นสปาเกตเหนียวนุ่ม คลุกเคล้ากับกระเทียม เบคอนรสเค็มมัน และพริกแห้ง ข้าวกะเพราปลาสลิดแดดเดียว ปลาสลิดแดดเดียวรสเค็มกลมกล่อม ผัดพร้อมซอสกะเพรารสเข้มข้น ผสานกับความเผ็ดร้อนลงตัว

สุดสัปดาห์นี้ใครไปเยือนเขาใหญ่ต้องไม่พลาดแวะชิมชาที่ Cha Nhapha Khaoyai ร้านชาสุดคูลที่ผสานงานศิลป์ไว้ในทุกอณู ผลงานการสร้างสรรค์โดยอาจารย์ถาวร โกอุดมวิทย์ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ภาพพิมพ์) ประจำปี 2564 ร้านชาแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ หน้าผา เขาใหญ่ รีสอร์ต ซึ่งอาจารย์ถาวร ตั้งใจออกแบบพื้นที่เล็กๆ นี้ให้เป็นจุดดึงดูดทุกคนที่เดินผ่าน มีความมินิมอลผสานกับความโฮมมี่จากไม้เก่าและเฟอร์นิเจอร์ที่เคยเป็นเครื่องใช้ในบ้าน นำมาบูรณะซ่อมแซมและอิมโพไวส์ทุกอย่างให้เข้ากันกลายเป็นงานไม้สวยๆ และชั้นโชว์ผลงานศิลปะที่แต่งแต้มร้านให้มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น อีกมุมซึ่งเป็นวิวไฮไลต์ของห้อง เบื้องหลังกระจกใสเป็นหน้าผาหินขนาดใหญ่ที่อาจารย์ถาวรแฝงมุมมองและแง่คิดไว้ให้ลูกค้าแต่ละคนได้ตีความ เป็นการผสมผสานและเชื่อมโยงความเป็นยุคหินสู่ยุคเทคโนโลยี โดยเลือกเอาสแตนเลสที่มีความเรียบมัน เงาวาว มาเป็นตัวแทนของเทคโนโลยียุคใหม่ ผสมผสานเข้ากับหน้าผาหินขนาดใหญ่ เป็นเสมือนกระจกสะท้อนสภาวะที่แปรเปลี่ยน เพราะเมื่อเข้าไปยืนดูใกล้ๆ เราจะเห็นความบิดเบี้ยวของหน้าตา ซึ่งจะเชื่อมโยงกับหลักธรรมในพุทธศาสนาที่กล่าวไว้ว่า “ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้แน่นอน” หินที่แข็งแกร่งก็ถูกทำลายได้ และเทคโนโลยีก็จะถูกทำลายเช่นกัน เป็นการสะท้อนความไม่เที่ยงแท้ของตัวตน ดังนั้นห้องนี้จึงเป็นห้องศิลปะที่มีชาอร่อยให้ได้กินดื่มและซึบซับความงามไปพร้อมๆ กัน อีกทั้งอาจารย์ถาวรยังมีแนวคิดให้พื้นที่แห่งนี้เป็นจุดแสดงผลงานให้กับศิลปินหน้าใหม่ที่สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ความสนใจซึ่งกันและกันได้ด้วย ซึมซับบรรยากาศร้านกันพอประมาณ มาดื่มด่ำกับขนมและเครื่องดื่มกันต่อ ทางร้านเลือกใช้ชาเขียวมัตฉะคุณภาพดีจากชิซุโอกะ ทำเป็นเครื่องดื่มร้อนและเย็น เลือกได้ทั้งแบบใส่นมและไม่ใส่นม มีไอศกรีมรสชาติดีที่ได้ชิมเป็นต้องติดใจ ทั้งไอศกรีมชาเขียว ไอศกรีมนม ขนมปังโฮมเมดที่หน้าตาดูธรรมดาแต่ชิมแล้วต้องถวิลหา ชีสเค้กเนื้อเนียนครีมมีกำลังดี ทุกเมนูบ่งบอกถึงความใส่ใจตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ การปรุงอย่างพิถีพิถัน การคัดสรรภาชนะ การเสิร์ฟและการบริการอย่างเอาใจใส่ที่ลูกค้าสามารถสัมผัสได้ อาจารย์ถาวรพูดทิ้งท้ายว่า “ถ้าเราทำอะไรด้วยการใช้ศิลปะเป็นตัวตั้ง ทุกอย่างมันจะงดงาม”  ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสัมผัสได้จากการแวะมา Cha Nhapha Khaoyai ร้านชาสุดคูลแห่งนี้จริงๆ

อากาศเริ่มเย็นแล้ว เขาใหญ่ (Khao Yai) เดสติเนชั่นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติอันร่มรื่นจึงเป็นจุดหมายยอดฮิตของนักท่องเที่ยว และยังเต็มไปด้วยของกินอร่อยๆ สำหรับสายกูร์เมต์อีกด้วย ใครกำลังมองหาที่ซึ่งมีทั้งร้านอาหารอร่อยทั้งยังจะได้อิ่มเอมไปกับบรรยากาศที่สวยงาม ต้องมาที่ VinCotto Restaurant ร้านอาหารซึ่งโอบล้อมไปด้วยไร่องุ่นกว้างใหญ่ของ GranMonte Vineyard and Winery รับรองว่าจะได้ลิ้มรสอาหารฝรั่งเศสต้นตำรับปรุงในสไตล์โฮมเมด แพร์ริ่งกับไวน์ที่คัดสรรมาอย่างดีจนจุใจ เหมือนได้วาร์ปไปกินอาหารในวินยาร์ดแสนสวยที่ฝรั่งเศสอย่างไรอย่างนั้น เราได้พบกับคุณนิกกี้ - วิสุตา โลหิตนาวี และคุณมีมี่ - สุวิสุทธิ์ โลหิตนาวี สองพี่น้องทายาทรุ่นที่สองของ GranMonte Vineyard and Winery ซึ่งเล่าถึงที่มาของร้านอาหารแห่งนี้ว่า เดิมทีที่ตรงนี้เป็นไร่เพียงอย่างเดียว แต่เมื่อเริ่มผลิตและส่งไวน์เข้าสู่ตลาดก็เริ่มมีคนที่เดินทางมาซื้อไวน์ที่หน้าไร่มากขึ้น ทางครอบครัวจึงเกิดความคิดว่าควรมีร้านอาหารไว้รับรองลูกค้า จึงปรับพื้นที่บ้านส่วนหนึ่งเป็นร้านอาหารและภายหลังได้ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อให้สามารถรองรับแขกได้เต็มที่ในช่วงไฮซีซั่น   ด้านเมนูอาหารนั้น ทางคุณแม่และลูกๆ ทั้งสองชอบเข้าครัวทำอาหารมาแต่เดิม โดยเฉพาะคุณแม่สกุณา โลหิตนาวีนั้นชอบทำอาหารฝรั่งเศสคลาสสิกอยู่แล้ว จึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการสร้างสรรค์เมนูเด็ดประจำร้าน ทั้งยังมีส่วนผสมจากต้นองุ่นในไร่ที่นำมาใช้อย่างลงตัว อาทิ Prawn and Seedless Grape Salad (280 บาท) องุ่นไร้เมล็ดเก็บสดๆ จากไร่ทั้งหวานและกรอบโรยหน้ามาบนผักสลัด ราดด้วยเดรสซิ่งรสเปรี้ยวเบาๆ ชวนสดชื่น ทอปด้วยเนื้อกุ้ง ไข่กุ้ง และอัลมอนด์สไลซ์ อร่อยลงตัวจนขึ้นแท่นเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน หรือจานเบาๆ สำหรับคนรักชีส Burrata with Pesto and Grilled Tomato (330 บาท) ซึ่งเลือกใช้ชีสสดจากผู้ผลิตชีสอาร์ติซานในท้องที่เขาใหญ่ เนื้อเนียมนุ่มเข้ากับมะเขือเทศย่างรสหวานฉ่ำในซอสเพสโตชวนสดชื่น ตามด้วยจานกินเล่นอย่าง Chicken Wrapped in Vine Leaves (320 บาท) เนื้อไก่ห่อใบองุ่นอ่อนซึ่งเป็นผลิตผลในไร่อีกเช่นกัน กินได้ทั้งคำ มีความหวานนิดๆ จากลูกเกดโฮมเมดที่สอดไส้ด้านใน กินกับซอสองุ่นเพิ่มความเพลิดเพลิน และ Pan-Seared Foie Gras in Grape and Verjus Sauce (850 บาท) ฟัวกราส์นาบกระทะหวานมันตัดรสด้วยความเปรี้ยวอมหวานของซอสองุ่นเวอร์จุส เพิ่มรสเค็มนิดๆ มาตัดหวานด้วยเกลือไวน์แดงที่ทางร้านทำเอง อีกเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์และอยากให้ทุกคนได้ลิ้มลอง Slow-Cooked Lamb Shank in Red Wine (760 บาท) สตูน่องแกะตุ๋นไวน์แดงซึ่งต้องตั้งไฟตั้งแต่เช้าตรู่ทุกวันจนเนื้อแกะนุ่มละลายในปาก ผักต่างๆ เข้ารสในน้ำซอสไวน์แดงจนได้ความอร่อยเต็มๆ ในทุกคำ เสิร์ฟกับมันบดเนื้อเนียน เนื้อแกะไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่น้อย ส่วนสายแป้งฝากท้องไว้กับสารพัดเมนูพาสตาและพิซซาได้ อาทิ Pizza Salami (380 บาท) ซึ่งใช้ซาลามีท่อนโตแทบจะบังแป้งพิซซ่ามิด โรยด้วยชีสเต็มๆ หน้า อร่อยกินเพลินแบบหยุดไม่ได้ ปิดท้ายด้วยของหวานรสเบาและสดชื่นด้วยความหวานจากธรรมชาติ Chesse Pie with Fresh Grapes (140 บาท) ชีสพายองุ่นสดที่ทอปด้วยองุ่นไร้เมล็ดทั้งหวานทั้งกรอบจนพูน ต่อด้วย Panna Cotta with Grape Preserve (140 บาท) แพนนาคอตตาซอสองุ่น ทอปด้วยครีมสดฟูๆ ละลายในปาก ขนมหวานที่นี่ใช้วานิลลาที่ปลูกเองในไร่ ซึ่งวานิลลาที่นำมาปลูกต้นแรกนั้นได้รับมาจากอดีตบรรณาธิการบริหารของ Gourmet & Cuisine คุณอ้วน - สมศักดิ์ วงศ์เดชานันท์ นั่นเอง โลกกลมจริงๆ ไฮไลต์อีกอย่างของร้านคือเมนู “ไวน์แพร์ริ่ง” จานเดี่ยว ซึ่งออกแบบมาสำหรับคนที่อยากกินอาหารจานเดียวแต่ได้แพร์ริ่งกับไวน์ที่เข้ากันซึ่งแนะนำโดยนักทำไวน์อย่างคุณนิกกี้ เลือกได้ว่าจะแพร์ริ่งเป็นแก้วหรือคาราฟ (เหยือกขนาด 250 มล.) อาทิ  Australian Wagyu Ribeye with 2020 GranMonte Gradient Cabernet Sauvignon (1,750 บาท สำหรับแพร์ริ่งแบบแก้ว) จับคู่เนื้อวากิวริบอายกับไวน์แดง Grilled Sea Bass with Lemon and Caper Sauce with 2020 GranMonte Midnight Harvest Chenin Blanc (690 บาท สำหรับแพร์ริ่งแบบแก้ว) สำหรับคนชอบกินปลา และ Coq au Vin with 2019 GranMonte Heritage Syrah Viognier (600 บาท สำหรับแพร์ริ่งแบบแก้ว) ไก่ตุ๋นซอสไวน์แดงเนื้อนุ่มรสกลมกล่อม VinCotto Restaurant ให้บริการตั้งแต่มื้อเช้าจนถึงมื้อค่ำ อยากลิ้มรสความอร่อยอย่างครบครัน แนะนำให้จองเข้าพักที่ GranMonte Wine Cottage ห้องพักน่ารักๆ ที่เห็นวิวเป็นไร่องุ่นล้อมรอบด้วยภูเขาทุกด้าน วิวยามเช้าสวยงามมากๆ และมีห้องพักจำนวนจำกัดเพียง 8 ห้องเท่านั้น หากติดใจอาหารและเครื่องดื่มของที่นี่ ก่อนกลับอย่าลืมแวะที่อาคารร้านค้าซึ่งมีคาเฟ่ให้บริการ พร้อมสินค้าผลผลิตจากไร่มากมายให้ซื้อหากลับบ้านได้อีกด้วย

ยังไม่กลับจากพักผ่อนที่โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน เลยไม่พลาดที่จะลิ้มลอง “You & Mee Poolside Restaurant” ห้องอาหารริมสระน้ำเย็นฉ่ำ ที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่เขียวขจี ได้เอ็นจอยกับบรรยากาศดีๆแล้ว ทางร้านยังมีอาหารนานาชาติ (เน้นที่อาหารเอเชียและตะวันตก) สดใหม่ให้สายฟู้ดชิมไม่ขาดปาก หรือใครอยากมาจิบค็อกเทลกรุบกริบข้างสระน้ำเก๋ไก๋ก็ไม่ว่ากัน เริ่มจานแรกด้วย Compressed Watermelon & Feta Salad สลัดแตงโมขวัญใจชาววีแกน ประกอบไปด้วยผัก-ผลไม้สดต่างๆ อย่าง แตงโม แตงกวา หอมแดง มะเขือเทศ ถั่วพิตาชิโอ้ ราดน้ำส้มสายชูสไตล์อิตาเลียน ตามมาด้วย Avocado Guacamole อาหารเรียกน้ำย่อยยอดนิยมแห่งประเทศสเปน แป้งตอร์ติญาชิปกรุบกรอบ จิ้มอะโวคาโดบดผสมน้ำยำสไตล์เม็กซิโก ชามนี้คือทีเด็ด You & Mee Khao Soi Goong ข้าวซอยกุ้งสูตรเฉพาะของทางร้าน บะหมี่เส้นสดเหนียวนุ่ม กินพร้อมน้ำซุปข้าวซอยรสจัดจ้าน มีกุ้งตัวโตเนื้อหวานมาให้ฟิน ท็อปด้วยหมี่กรอบ บีบมะนาวซีกเล็กน้อยอร่อยเลย มาลิ้มลองอาหารไทยโบราณอย่าง Pineapple Fried Rice กันบ้าง ข้าวผัดสับปะรดหอมกรุ่น ข้าวสวยเรียงเม็ด ผัดพร้อมสับปะรดหวานฉ่ำ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ลูกเกด กุ้งตัวโต โรยหน้าด้วยหมูหยอง ยังมี Fish & Chips อาหารคอมฟอร์ทฟู้ดที่เรารัก ปลาคุณภาพชุบแป้งทอดหอมกรุ่น เสิร์ฟคู่มันฝรั่งทอดโฮมเมด ซอสครีมสูตรลับ และซอสมะเขือเทศ เครื่องดื่มเราสั่งเป็น มัตฉะลาเต้ร้อน ผงมัตฉะจากดินแดนอาทิตย์อุทัย มิ๊กซ์ไปกับนมสดหอมมัน รสหวานพอดี

“McFarland House” ร้านอาหารยุโรปสไตล์โมเดิร์นประจำ Hyatt Regency Hua Hin โรงแรมขวัญใจนักท่องเที่ยวตลอดกาลแห่งอำเภอหัวหิน บ้านไม้คลาสสิกในศตวรรษที่ 19 ซึ่งได้รับการรีโนเวทให้แข็งแรงแต่ยังคงไว้ซึ่งความงดงามแบบดั้งเดิม ตัวร้านมี 2 ชั้นให้คุณเลือกนั่งได้ตามใจ ถึงแม้จะไร้เครื่องปรับอากาศแต่ยังเย็นสบายเพราะตัวบ้านอยู่ไม่ห่างจากชายหาดทรายนุ่มๆ มากนัก รับลมทะเลชิลๆ พร้อมอิ่มอร่อยไปกับอาหารยุโรปสไตล์โมเดิร์น อาหารคอมฟอร์ทฟู้ดกินง่ายและค็อกเทลสีสวย นอกจากนั้นที่ร้านยังเสิร์ฟชุดน้ำชายามบ่าย (Afternoon Tea) สไตล์โฮมเมดที่เปลี่ยนรูปแบบไปตามฤดูกาล เอาใจสายหวานไม่ให้เบื่ออีกด้วย จานแรกเราขอประเดิมก่อนเลยกับ Salt and Pepper Squid ปลาหมึกทอดร้อนจี๋ ภายนอกกรอบ เนื้อด้านในหนึบหนับ โรยด้วยผงปาปริการสเผ็ดเล็กๆ จิ้มกับซอสครีมสูตรเฉพาะ หรือน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด Spanish Premium Octopus, Char Roasted หนวดปลาหมึกยักษ์ตุ๋นอย่างดีจนเนื้อนิ่ม กินคู่กับไส้กรอกโชริโซโฮมเมดเนื้อแน่น และซอสครีมมันฝรั่งผสานกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะเขือเทศ หอมกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ต่อด้วยซิกเนเจอร์ประจำร้านอย่าง Organic Bird อกไก่ชิ้นโตๆ เนื้อแน่นนุ่ม เสิร์ฟพร้อมผักย่าง เบคอนผัดเห็ด มันบดและน้ำเกรวี่รสเค็มนุ่มนวล Hua Hin Sand and Surf จานนี้ที่คนรักอาหารทะเลรอคอย ซีฟู้ดต่างๆ ย่างอย่างดี อาทิ กุ้งลายเสือตัวโตเนื้อเด้ง ปลากะพงเนื้อแน่นจากชาวเล และหอยเชลล์ฮอกไกโดที่เรารัก จิ้มซอสต่างๆ ได้แก่ น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดเปรี้ยว ซอสครีมหอมมัน และซอสเนย ของหวานต้องสั่ง Our Mango Sticky Rice พานาคอตต้ารสมะพร้าว กินพร้อมเจลลี่มะม่วงสุกหวานฉ่ำ ข้าวเหนียวมูนทำเอง ครัมเบิล พีนัทและซอร์เบมะพร้าวชื่นใจ Coconut Crème Brûlée แครมบรูเลรสหวานนุ่มนวล หอมกลิ่นน้ำตาลไหม้ กินคู่กับไอศกรีมมะพร้าวทำเอง และมะพร้าวคั่วเคี้ยวอร่อย จิบคู่กับ CoCo-Palm ม็อกเทลดาวเด่นประจำร้าน รสหวานมันลงตัวนี้เกิดขึ้นด้วยการรวมตัวกันของน้ำมะพร้าวหวานฉ่ำ น้ำตาลสด และน้ำตาลทรายแดง ชิลกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว