Bay Fish Pattaya ร้าน Fish & Chips ขนาดกะทัดรัดแห่งเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะแม้หน้าตาร้านจะให้ความรู้สึกฝรั่งจ๋าแต่เมนูที่เสิร์ฟภายในร้านนั้นล้วนมาจากวัตถุดิบท้องถิ่น ทั้งปลาจากทะเลไทยที่ชาวประมงจับได้ในแต่ละวัน ผักจากฟาร์มออร์แกนิก รวมถึงผักที่ปลูกในสวนของครอบครัวด้วย เดาไม่ยากว่าเมนูเด่นของร้านนี้คือ Fish & Chips ในแต่ละวันทางร้านจะเขียนชื่อปลาที่มีไว้บนบอร์ดบนเคาน์เตอร์ให้เราได้เลือกสั่ง อาทิ ปลาอินทรีย์ ปลาช่อนทะเล ปลาอังเกย ฯลฯ ซึ่งจะให้ประสบการณ์การกินที่ต่างกัน อย่างวันนี้เราสั่งปลากะมงพร้าว ปลาทะเลท้องถิ่นตัวใหญ่ เนื้อแน่นกินง่ายไม่มันเลี่ยน ไม่เละ ส่วนแป้งเชฟก็ทอดจนกรอบและเบาดี จับคู่มันฝรั่งทอดและซอสทาร์ทาร์โฮมเมดสูตรเฉพาะของทางร้าน อีกเมนูเป็น Grilled fish salad สลัดปลาย่างเลือกประเภทของปลาได้เช่นกัน เราเลือกเป็นปลาอินทรีย์ เนื้อแน่น ย่างมาสุกกำลังดี ส่วนจานสุดท้ายที่อร่อยไม่แพ้กัน และยังคงความเป็นชลบุรีเอาไว้คือ Spaghetti Squid ink สปาเกตตีหมึกดำที่ใช้ปลาหมึกไทยหนึบหนับสู้ฟัน ผัดใส่พริกแห้งลงไปด้วย รสเผ็ดนิดเค็มหน่อย ชวนให้เจริญอาหารเป็นพิเศษ นอกจากนี้ที่ร้านยังจัดพื้นที่ให้ช้อปของที่ระลึกกลับบ้าน ทั้งเสื้อยืด โปสการ์ด กระเป๋าผ้า ซอส ผักดอง ฯลฯ ส่วนใครไม่ว่างขับรถไปชลบุรีไม่ต้องเสียใจ เพราะทางร้านโปรเจ็กต์คอลแลบกับแบรนด์อื่นบ่อยครั้ง  ก่อนหน้านี้มีทำ Fish & Doughnut ร่วมกับร้านโดนัทสุดป๊อปอย่าง Drop by Dough ด้วย แว่วว่ากำลังจะเปิดตัวโปรเจ็กต์ใหม่เร็วๆ นี้ เห็นไหมว่าปลาไทยอร่อยไม่แพ้ที่ไหนเลย

หากแวะเวียนมาเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานีแล้วไม่ไปเยือน “Bread & Butter” ร้านอาหารตะวันตกบรรยากาศโฮมมี่ของโรงแรมเซ็นทารา อุบล ก็เสียชื่อนักกินตัวจริงหมด เพลิดเพลินกับเมนูบรันช์น่าอร่อยอย่าง ขนมปังโฮมเมด (เชียร์บัตตา บาแกตต์ เบรดสติก ซาวโดว์ ฟอกกาเซีย) เสิร์ฟพร้อมเนยสูตรพิเศษที่ลูกค้าสามารถเลือกรสชาติเนยในแบบของตนเองได้ พาสต้าเส้นสดนานาชนิด และพิซซาโฮดเมดสไตล์นโปเลียน ที่โดดเด่นด้วยแป้งซาวโดวจ์นำเข้าจากประเทศอิตาลี ผสานกับยีสต์หมักเอง ก่อนทิ้งไว้ 48 ชั่วโมงทำให้ได้พิซซาบางกรอบขอบหนานุ่ม ยิ่งอบในเตาฝืนยิ่งส่งกลิ่นหอมชวนหิว งานนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนเพราะได้เชฟวัช - วัชระ สุทธิวงศ์ เชฟหนุ่มชาวอีสานไฟแรงที่มีประสบการณ์กว่า 12 ปี มาดูแลความอร่อยให้ทุกคนถึงที่ จานแรกขอลอง สลัดตามฤดูกาล เอ็นจอยกับผักผลไม้สดนานาพันธุ์ ทั้งอะโวคาโด แรดิช ใบร็อกเก็ต ส้ม และสตรอว์เบอร์รี ราดน้ำสลัดงาหอมๆ ตามด้วย เอ้กเบเนดิก ไข่ดาวน้ำอิ่มเอม ราดซอสฮอลแลนเดซรสกลมกล่อม เข้าคู่สโมกแซลมอนและขนมปังปิ้ง เบอร์เกอร์เนื้อวากิว ขนมปังบันนุ่มนิ่ม ประกบแพตตี้เนื้อวากิวฉ่ำๆ ชีส เพิ่มความละมุนด้วยซุปทรัฟเฟิลหอมฟุ้ง หรือใครชอบอาหารไทยต้องนี่เลย กะเพราเนื้อวากิว รสเค็มเผ็ดกำลังดี เสิร์ฟพร้อมไข่ดาวและข้าวโพดย่าง คนรักเส้นต้องเลิฟ พาสต้าเพลสโต้แซลมอน พาสต้าเส้นสดให้สัมผัสเหนียวนุ่ม ผสานกับซอสเพลสโตรสเข้มข้น หอมกลิ่นใบโหระพาเต็มพิกัด เสิร์ฟเคียงแซลมอนย่างชิ้นโตๆ เนื้อฉ่ำใน แล้วสั่ง มันฝรั่งทอด ร้อนจี๋เนื้อแน่นมากินคู่กันด้วย ไปต่อกับ พิซซาพาร์มาแฮม พิซซาสไตล์อิตาเลียนโฮมเมด เข้ากันดีกับซอสมะเขือเทศรสเปรี้ยว พาร์มาแฮมที่เรารัก และใบร็อตเก็ตรสเผ็ดซ่า ยังมี พิซซาทรัฟเฟิล โดนใจคนรักทรัฟเฟิลสุดๆ ด้วยซอสทรัฟเฟิลครีมมีกลิ่นหอมหวล เข้ากันดีกับแป้งซาวโดวจ์บางกรอบสไตล์อิตาเลียนอบสดใหม่ ของหวานเราเลือก แพนเค้ก ขวัญใจเด็กอ้วนมาแต่ไหนแต่ไร แพนเค้กเนื้อนุ่มฟู กินกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เติมรสหวานฉ่ำอีกแรงด้วยน้ำผึ้ง เก็บท้องไว้ซดค็อกเทลต่อตอนเย็น

ชวนทุกคนขับรถไปหัวหิน สัมผัสประสบการณ์การกินขนมหวานให้เพลินหัวใจกว่าที่เคย BAKEitsmore Huahin ร้านขนมของคุณปุ้ย-ณวรัตน์ แนวบรรทัด เบกเกอร์คนเก่งที่หลงรักการทำขนมอยู่แล้วเป็นทุนเดิมจนตัดสินใจลงเรียนหลักสูตร Diplôme de Pâtisserie ที่ เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ก่อนกลับมาเปิดร้านขนมหวานในรีสอร์ตเล็กๆ ของที่บ้านตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก ขนมของ BAKEitsmore Huahin มาในรูปแบบของ Dessert Experience จับขนมสไตล์ฝรั่งเศสที่โดดเด่นเรื่องรสสัมผัสมาคู่กับชาจีนกลิ่นหอมจรุงใจ ทั้งชาสกัดเย็นและชาร้อน เสิร์ฟทั้งหมด 4 คอร์สด้วยกัน ให้อารมณ์คล้ายเชฟส์เทเบิลในราคาเริ่มต้น 450 บาทต่อคน นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับเรื่องรสชาติมากเป็นพิเศษ ขนมทุกชิ้นของเธอจึงผ่านกระบวนการคิดมาแล้วอย่างดี และคำนึงถึงเรื่อง Zero Waste ในการเลือกใช้วัตถุดิบ เริ่มด้วย Starter เป็นมาการองไส้แยมผลไม้ทำเอง 2 รสชาติที่บีบไส้สดตอนเสิร์ฟ ตามด้วยขนมชิ้นเล็กๆ หรือ Mignardise ที่จะเปลี่ยนทุก 3 เดือน ก่อนหน้านี้คุณปุ้ยทำชูซ์ราสป์เบอร์รีชิ้นพอดีคำให้กินพร้อมเมอแรงก์สด ตามด้วย Main Dessert ขนมหวานจานหลักที่ให้เลือก 1 เมนูจากเมนูทั้งหมด ซึ่งจะได้เลือกก่อนล่วงหน้า อาทิ Matcha Choux Forest ชูซ์รูปน้องเห็ด เนื้อในเป็นเพสตรีครีมมัตฉะและกานาชมัตฉะสุดเข้มข้น หลังจากนั้นเป็น Confectionery เมนูสดชื่นล้างปากเป็นผลไม้กวนที่ทำจากผลไม้สด แล้วจบด้วย Finishing เมนูทั้งหมด เจลลีน้ำชาในถ้วยชาแสนน่ารัก แถมระหว่างคอร์สคุณปุ้ยก็จะคอยอธิบายขนมแต่ละชิ้นให้ฟังกันเพลินๆ ใครอยากชิมขนมฝีมือคุณปุ้ย อย่าลืมจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันผ่าน Facebook : BAKEitsmore at Huahin (ไม่รับวอล์กอิน)   สาวเก่งคนนี้จะได้มีเวลาเตรียมขนมอร่อยๆ ไว้ต้อนรับทุกคน

ออกเดินทางไปต่างจังหวัดในวันที่อากาศสบายๆ แล้วแวะไปอิ่มท้องให้สบายกายกับมื้อโปรด Prod. (โปรด-จุด) ร้านเปิดใหม่ใจกลางพัทยาเหนือที่เปิดมาได้ไม่กี่เดือนแต่กระแสตอบรับดีมาก เพราะร้านนี้นำเสนออาหารไทยเเนวฟิวชัน ผสมผสานทั้งเทคนิคและรสชาติได้อย่างลงตัว จัดจานสวยงามแถมแฝงสตอรีที่สนุกสนานอยู่ในทุกเมนู ถือเป็นอีกหนึ่งร้านเดสติเนชันที่ถ้ามาพัทยาเหนือเเล้วห้ามพลาด! ชื่อร้านมาจากคำว่า Produce กับ Products รังสรรค์เมนูผ่านคอนเซ็ปต์ “Fin-to-Scale” ใช้ทุกส่วนของวัตถุดิบตั้งแต่เนื้อไปจนถึงกระดูกนำมารังสรรค์ได้อย่างคุ้มค่า เลือกวัตถุดิบจากแหล่งชุมชนเพื่อคุณภาพที่สดใหม่ ปรุงอย่างพิถีพิถันและใส่ใจจนเกิดเป็นความประทับใจเมื่อได้ชิม บรรยากาศของร้านตกแต่งสไตล์กลาสเฮาส์ดูร่มรื่น บานกระจกตัดกับสีน้ำเงินดูสวยหรูหรา เมื่อถึงช่วงกลางวันจะได้รับแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องลอดผ่านทำให้รู้สึกอบอุ่นจนเกิดเป็นไวบ์ดีๆ อีกทั้งมุมคาเฟ่ไว้มาถ่ายรูปแล้วอัปลงโซเชียลเก๋ๆ อีกด้วย สำหรับเมนูอาหารก็โดดเด่นเช่นเดียวกับจานรสชาติสุดแซ่บ แสร้งว่าไข่ปลา ไข่ปลาเรียวเซียวสดคลุกกับน้ำยำแสร้งว่าสูตรชาววังแท้ กัดแล้วแตกโพละในปาก ตักกินคู่กับแผ่นข้าวเกรียบสาหร่ายสุดฟิน! สำหรับเมนูไฮไลต์ คัสตาร์ดต้มข่าปลาสลิดฟู น้ำต้มข่าที่เสิร์ฟในรูปแบบของคัสตาร์ด น้ำซุปหอมกระดูกปลาที่เชฟเล่าว่าใช้เวลาในการเคี่ยวนานมาก เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อปลาสลิดทอดกรอบ เรียกว่าใช้ทุกส่วนจริงๆ ตรงตามคอนเซ็ปต์ ต่อมา เนื้อแองกัสซูวีดย่างทาทากิ เนื้อวัวทาทากิที่ผสมผสานสไตล์ไทย-ญี่ปุ่นไว้ได้อย่างลงตัว เนื้อนุ่มหอมละมุน มาพร้อมกับมะระดองพอนสึแบบญี่ปุ่น ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากผิวมะนาว รสชาติเข้ากันได้อย่างลงตัว และเมนู ปลากะพงเวตเอจเกล็ดฟูทอดน้ำปลา ปลากะพงนำไปหมักในน้ำเย็น (Wet-Aged) แล้วทอดโดยใช้เทคนิคการทอดแบบญี่ปุ่นจนได้เกล็ดปลาที่ฟูกรอบ ราดด้วยซอสน้ำปลารสเด็ด กินคู่กับข้าวร้อนๆ บอกเลยว่าเผลอแป็บเดียวข้าวหมดจาน ปลาอินทรีย์ดรายเอจซ่อนกลิ่น (หมักเกลือรมควัน) เนื้อปลาอินทรีย์สด ที่ซื้อจากตลาดสะพานปลา เชฟเลือกใช้เฉพาะส่วนหางแล้วนำไปดรายเอจนาน 7 วันจนเนื้อแน่น รสชาติเข้มข้น หอมหลิ่นรมควันอ่อนๆ กินคู่กับซอสซีอิ๊วขิงรสหวานสูตรพิเศษ ใครสายแซ่บมาแล้วต้องสั่ง ชาบูต้มยำน้ำใสปลากะพงดรายเอจ เนื้อปลากะพงที่เชฟดรายเอจจนเนื้อแน่น นำไปลวกในน้ำชาบูต้มยำรสแซ่บเผ็ดร้อนจนเนื้อเด้ง ตักซดคู่กับน้ำซุปบอกเลยว่าเด็ด นอกจากอาหารคาวที่อร่อยจนลืมว่าจะต้องขับรถกลับกรุงเทพแล้ว ก็อย่าลืมปิดท้ายด้วยขนมหวานไทยและเครื่องดื่มรสเปรี้ยวซ่า ก็จะเป็นการจบมื้อแบบฟินๆ ไปแล้วอย่าลืมสั่งเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของเปลือกกุ้งมาลิ้มลองด้วย

Lucus Restaurant ร้านใจกลางเมืองพัทยาซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ใหม่ของรีสอร์ต Health Land Resort & Spa ศูนย์รวมความผ่อนคลายที่มีกว่า 10 สาขาทั้งต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ บอกเลยว่าบรรยากาศและร้านสวยมาก คำว่าLucus” ในภาษาละตินแปลว่า “ป่าไม้” หรือ “สวนเล็กๆ” จึงเป็นที่มาของชื่อร้านเพื่อบอกเป็นนัยว่าทุกคนจะได้สัมผัสกับความร่มรื่นอันเขียวชอุ่มที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่และโขดหิน เคล้าคลอกับเสียงน้ำตก เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งกรีนโอโซนใจกลางเมืองพัทยาที่คู่ควรแก่การออกมาพักผ่อนเลยก็ว่าได้ ตัวร้านเป็นบ้านหลังสีขาวตั้งตระหง่านท่ามกลางสวนสีเขียว ตกแต่งสไตล์โคโลเนียลให้ความรู้สึกอบอุ่นและแฝงด้วยความหรูหราทั้งโซนอินดอร์และเอาต์ดอร์ ที่โดดเด่นมาแต่ไกลคือบันไดวนซึ่งจะพาไปพบกับห้องไพรเวตสำหรับเสิร์ฟอาหารสไตล์เชฟส์ เทเบิล และไพรเวตรูมสำหรับใครที่อยากจะมาสังสรรค์กับครอบครัวหรือเพื่อนๆ แถมยังมีบาร์พร้อมเครื่องดื่มสดชื่นๆ ไว้คอยบริการอีกด้วย ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่เน้นเรื่องสุขภาพทั้งด้านร่างกายและอาหารการกินต้องดีและครบครัน ร้านนี้จึงนำเสนออาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน คัดสรรวัตถุดิบแบบคุณภาพ ใส่ใจตั้งแต่เลือกฟาร์มเพาะปลูกต้องเป็นฟาร์มออร์แกนิกและปลอดสาร คงความสดใหม่ ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันโดยเชฟฝีมือดี เรียกได้ว่าใส่ใจตั้งแต่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำจนเป็นเมนูสุดน่าลิ้มลอง เริ่มที่ไฮไลต์ Caprese with Mango สลัดสไตล์อิตาเลียน ชีสนมควายเนื้อนุ่มเสิร์ฟกับมะเขือเทศเนื้อแน่นหวานฉ่ำ เพิ่มความสดชื่นด้วยเนื้อมะม่วง ต่อด้วย Prawn & Chorizo กุ้งพันด้วยโชริโซย่างให้เนื้อกุ้งสุกกำลังดี ดิปกินคู่กับปาปริกามาโย รสเปรี้ยวและเผ็ดนิดๆ ส่วนจานหลักต้อง Pan-Seared Foie Gras ตับเป็ดย่างเนื้อนุ่มรสครีมมี่ ราดด้วยซอสราสป์เบอร์รีเปรี้ยวหวานกำลังดี กินคู่กับสลัดผักร็อกเก็ต ส่วนคนที่เป็นเนื้อแกะเลิฟเวอร์ต้องสั่ง Rack of Lamb เนื้อแกะที่เลี้ยงในฟาร์มเปิดตามธรรมชาติ นำไปย่างจนเนื้อสุกกำลังดี ยังมีความชุ่มฉ่ำของน้ำไว้อยู่ ราดซอสไวน์แดง รสเปรี้ยวกลมกล่อมกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อมกับผักและมันฝรั่งย่าง ร้านสวย อาหารอร่อย เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กถ้าไปพัทยาแล้วต้องไม่พลาด!

อยากพาทุกคนมารู้จักกับ Hao Khaoyai (เฮา) คาเฟ่เขาใหญ่ นำเสนออาหารเช้าพร้อมเครื่องดื่มแบบ All Day Breakfast ในบ้านไม้ 2 ชั้น ที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นแบบเป็นกันเอง เหมือนได้ไปฮีลใจที่บ้านญาติในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ตัวร้านตั้งอยู่ในชุมชนเมืองปากช่อง งานดีไซน์จึงเน้นในเรื่องของการคงความดั้งเดิมเอาไว้ให้มากที่สุด เพื่อให้กลมกลืนไปกับบรรยากาศโดยรอบ ส่วนภายในร้านจะตกแต่งสไตล์บ้านคนไทยเชื้อสายจีน มีมุมให้นั่งรับประทานอาหารหลากหลายทั้งโซนอินดอร์และเอาต์ดอร์ เริ่มต้นวันด้วย เป็งเส็ง ได้รับแรงบันดาลใจจากขนมปลากริมไข่เต่า และ Affogato ในแก้วเป็นไอศกรีมน้ำตาลโตนดโปะด้วยครีมกะทิหอมมัน และราดด้วยช็อตกาแฟเข้มข้น กินกับข้าวโป่งหรือที่เรียกกันว่าข้าวเกรียบว่าวกรอบๆ อร่อยทีเดียว กินไปพร้อมกับ ขนมครกจานผสม เมนูบ้านๆ ที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน มีทั้งหน้าต้นหอมและหน้าหมูสับ ให้รสหวานมันหอมกะทิ ต่อด้วย เฮาเมดครัวซองต์ ด้านในสอดไส้หมูสับ หมูยอ และกุนเชียง โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย อร่อยไปอีกแบบ เครื่องดื่มยอดฮิตอย่าง ชาไทย ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยตัวชาสีส้มสดใสเสิร์ฟในแก้วสุดครีเอต ให้รสหวานกำลังดี หอมกลิ่นชา ใครอยากกินหนักๆ ต้องสั่ง ข้าวเปียก เส้นเหนียวนุ่มกินกับน้ำซุปรสกลมกล่อมและเครื่องเคียงต่างๆ มีกลิ่นหอมของพริกไทยและหอมเจียว ขนมหวานห้ามพลาด ได้แก่ ขนมปังสังขยา ขนมปังสูตรโฮมเมดมีสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟคู่สังขยาใบเตยรสหอมนวลๆ และหวานเล็กน้อย เค้กข้าวโพดหวานปากช่อง เค้กเนื้อชิฟฟอนหอมกลิ่นวานิลลา ตรงกลางเป็นชั้นของครีมมะพร้าวรสมันนัว เสริมรสด้วยข้าวโพดหวานเคลือบคาราเมล วัตถุดิบขึ้นชื่อของอำเภอปากช่อง ปิดท้ายด้วย เฮา กาแฟผสมน้ำมะพร้าวท็อปด้วยครีมกะทิเนื้อเนียน เป็นเมนูที่ดัดแปลงมาจาก Einspanner หรือกาแฟดำสไตล์เวียนนา

อีกหนึ่งสถานที่ที่ตอบโจทย์คนต่างถิ่นเมื่อตั้งใจเดินทางไปพักผ่อนยังเส้นทางสายมรดก MAA Khaoyai คาเฟ่ที่ถ่ายทอดความเป็นเขาใหญ่ออกมาด้วยงานดีไซน์ต่างๆ ตั้งแต่ตัวร้าน อินทีเรีย และโลโก้ ที่หยอกล้อถึงวิวทิวเขาเพื่อเชื่อมอารมณ์ความรู้สึกระหว่างธรรมชาติกับผู้สัญจรไปมา ตัวร้านออกแบบได้โดดเด่นไม่ซ้ำใคร โดยได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมสไตล์ญี่ปุ่น ใช้โทนสีดำสลับกับสีไม้ มีต้นไม้ ใบหญ้าและสวนหินโอบล้อมอยู่ ส่วนภายในมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแทรกไว้ตามมุมต่างๆ ไฮไลต์อยู่ที่ที่นั่งแบบมูจิกับกระจกกลมและผนังบนเคาน์เตอร์บาร์ที่ออกแบบเป็นรูปทิวเขา หากขึ้นไปบนชั้น 2 จะพบกับวิวของภูเขาแบบ 180 องศา สามารถเก็บภาพสวยๆ ไว้เชยชมได้แบบไม่รู้เบื่อ แม้กระทั่งเมนูอาหารก็ยังดึงจิตวิญญาณของปากช่องและเขาใหญ่ออกมา เพื่อให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสพร้อมลิ้มลองรสชาติจากวัตถุดิบท้องถิ่นย่างแท้จริงแม้ว่าจะอยู่ในคาเฟ่หรูก็ตาม อย่าพลาด! MAA Mountain เค้กทรงสามเหลี่ยมสีน้ำตาลที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปภูเขา ด้านในเป็นมูสช็อกโกแลตเนยถั่ว รสหวานกำลังดี ต่อด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน Petch Pakchong เป็นเค้กน้อยหน่าเพชรปากช่อง หวานมะลุนด้วยกลิ่นหอมของครีมมะพร้าวและฝักวานิลลาที่วาดลวดลายเหมือนภูเขาไว้ด้านบน แถมมีเนื้อน้อยหน่าชิ้นโตแทรกอยู่ในชั้นเค้ก ตัดรสด้วย Hot Late กาแฟร้อนรสเข้มข้นด้วยเมล็ดไทยที่คั่วกลางค่อนเข้ม จิบในบรรยากาศสบายๆ แบบนี้ดีสุดๆ ผลไม้ที่เปรียบเสมือนเพชรของปากช่องยังถูกนำเสนอผ่านเมนู กาแฟน้อยหน่า โดยทางร้านใช้น้ำน้อยหน่าสกัดเย็นมาท็อปด้วยช็อตกาแฟ Cold Brew ได้รสหวานของน้อยหน่าที่เข้ากันได้ดีกับรสชาติเข้มข้นของกาแฟที่ไม่กลบกลิ่นน้อยหน่าแม้แต่น้อย นอกจากนี้การมาพักผ่อนที่นี่ยังสามารถแวะเที่ยวร้านข้างๆ ได้อีกด้วยกับ Khaam Khaoyai ร้านชามัตฉะในบรรยากาศใต้ต้นมะขาม เจ้าของเดียวกันกับร้าน MAA รับรองว่าทุกคนจะได้อิ่มเอมใจ มีภาพสวยๆ กลับบ้านไปแบบ 2 ร้าน 2 สไตล์ ฮีลใจได้ดีมาก

เสียงคลื่นน้ำซัดกระทบก้อนหินดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบ Stonecreek เป็นร้านอาหารเปิดใหม่ของเขาใหญ่ บนถนนมิตรภาพ ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ร่มรื่นสบายตาไปหมดด้วยร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ พร้อมด้วยระเบียงริมลำธาร ยื่นออกไปเพื่อให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม นอกจากจะมากับบรรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ที่นี่ยังจับเอาเมนูย่างแบบฉบับของสเต๊กเฮาส์มาคู่กับเมนูอาหารไทยท้องถิ่นโฉมใหม่ ผ่านมุมมองของ 2 เชฟดีกรีมิชลิน คือ แอนดรูว์ มาร์ติน (Andrew Martin) จาก 80/20 และทิม บัตเลอร์ (Tim Butler) จากร้าน Eat Me เริ่มต้นด้วยเมนูกินเล่นสูตรลับสูตรเด็ดของร้าน เห็ดทอดแซ่บ เป็นเห็ดทอดที่ให้เนื้อสัมผัสกรอบยาวนานด้วยวิธีการปรุงลับสุดยอด คลุกเคล้ากับเครื่องลาบได้รสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ด แซ่บสมชื่อ แบบไม่ต้องจิ้มซอสเลยก็ยังได้ ถัดมานั้นเป็นเมนู ยำข้าวโพด เรียกความสดชื่นจากหลากหลายผลไม้ที่ผสมผสานมาอย่างลงตัวสุด ๆ ทั้งส้มโอ มะม่วง เนื้อมะพร้าวอ่อน และมะพร้าวคั่ว พร้อมด้วยสมุนไพรอีกนานาชนิด จัดเต็มครบเครื่องยำ มัสมั่นเนื้อและหางวัว เนื้อเปื่อยยุ่ย ในน้ำแกงเข้มข้นกลมกล่อม เหมาะกับการกินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ แถมยังมาพร้อมกับอาจาดสีชมพู ซึ่งได้ทั้งรสชาติและสีสันมาจากฝรั่งสีชมพู ขนุน และองุ่นของเขาใหญ่ ข้าวผัดมั่วซั่ว เป็นข้าวผัดเครื่องเทศที่ได้กลิ่นอายของอาหารเหนืออยู่ในหลาย ๆ องค์ประกอบ ทั้งน้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว และแคปหมู พร้อมกันนั้นยังมีกุ้งตัวโตมาเสริมทัพ คู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดแตงกวาสุดจี๊ดจ๊าด นับเป็นอีกจานที่มีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใครจริง ๆ ขึ้นชื่อว่าเป็นสเต๊กเฮาส์ ที่นี่จึงมีตัวเลือกของเมนูย่างถ่านอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซี่โครงหมูรมควัน วากิวสตริปลอยน์ หรือแฮงเกอร์สเต๊ก ปิดท้ายด้วยของหวาน พายสับปะรดไอศกรีมนม มาในรูปแบบของแป้งพายสามเหลี่ยมสอดไส้สับปะรด โรยไอซิงใบเตย จับคู่กับไอศกรีมนมรสหวานละมุน ตัดกันได้ดีกับความหวานอมเปรี้ยวของสับปะรด นอกจากโซนของร้านอาหารแล้ว ที่นี่ยังมีส่วนของคาเฟ่ให้บริการเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่นด้วย มาพร้อมกับเมนูแนะนำอย่าง Purple Stone ม็อกเทลสีม่วงซึ่งเป็นส่วนผสมของอัญชันมะนาวโซดา และ Red Passion น้ำสตรอว์เบอร์รี่และเสาวรส

ระเบียงที่เปิดกว้างเห็นชายหาดและผืนน้ำทอดไกลสุดสายตา สะท้อนแสงแดดสีส้มทอประกายในยามเย็น ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับ LUNAR Italian Restaurant ร้านอาหารอิตาเลียนบนชั้น 8 ของโรงแรม Bayphere Hotel Pattaya (เบย์เฟียร์ โฮเทล พัทยา) ในเครือ Habitat Hospitality (ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้) เป็นหนึ่งในร้านอาหารอิตาเลียนที่มีบรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ ในย่านนี้ บทเพลงบรรเลงเคล้าคลอมา เข้ากับภาพขาวดำสุดคลาสสิกที่ประดับประดาอยู่ทั่วร้าน รวมไปถึงไวน์เซลลาร์ที่อวดโฉมเครื่องดื่มหลากหลายเลเบล ส่วนอีกมุมหนึ่งนั้นเป็นบาร์เครื่องดื่ม คอยให้บริการทั้งซิกเนเจอร์ค็อกเทลและคลาสสิกค็อกเทล เพราะว่าที่นี่ต้องการนำเสนอเมนูอาหารอิตาเลียนขนานแท้ จึงเริ่มต้นด้วยการเสิร์ฟฟอกาเซียที่ร้านอบเอง เนื้อนุ่มส่งกลิ่นหอม เปลี่ยนหน้าขนมปังไปเรื่อย ๆ ในแต่ละวัน อย่างเช่นในครั้งนี้ที่ได้ลองหน้ากระเทียมและโรสแมรี มาพร้อมกับน้ำมันมะกอกและบัลซามิก รองท้องพลาง ๆ ก่อนจัดเต็มกับอาหารมื้อหลักอีกหลายอย่าง เริ่มต้นด้วยจานเรียกน้ำย่อยกับ Crispy Fried Calamari ปลาหมึกชุบแป้งทอดกรอบ กับผงซีซั่นนิงสูตรลับเฉพาะที่ผสมผสานไปด้วยเครื่องเทศนับสิบชนิด เช่น ผงหอม ผงกระเทียม ผงหอม และผงปาปริก้า กินคู่กับซอสการ์ลิกอัลยอลี Bruschetta ชีสบูราต้าจับคู่มากับสลัดมะเขือเทศและหอมแดง พาเมซานกรอบ ราดซอสบัลซามิก และท็อปด้วยคาร์เวียร์บัลซามิก Cured Meats โคลด์คัทสไตล์อิตาเลียนที่ประกอบไปด้วย พาร์มาแฮม สไปซี่ซาลามี และคอปป้าแฮมซึ่งทำจากสันคอหมู กินคู่กับผักดองและซาวร์โด ต่อกับอาหารเส้นด้วยเมนู Tortellini Spinach & Ricotta เมนูแพนเซตต้าหรือเบคอนรมควันในครีมซอสที่ใกล้เคียงกับคาโบนารา หอมกลิ่นรมควันของตัวแพนเซตต้าทันทีที่เข้าปาก ส่วนตัวเส้นสีเขียวทำจากแป้งผักโขมสอดไส้ชีสรีคอตต้าที่เพิ่มความนุ่มนวลให้กับจานนี้อย่างทวีคูณ จานต่อมาเป็น Salmon Steak สเต๊กปลาแซลมอนเสิร์ฟคู่กับผักโขมซอเต้ และซอสมะเขือเทศซัลซา ให้รสหวานอมเปรี้ยว แฝงด้วยความสดชื่นที่ช่วยตัดเลี่ยนได้อย่างสมดุล Grilled Pork Chop พอร์กช็อปชิ้นใหญ่ ที่ร้านนำไปแช่น้ำเกลือและสมุนไพรราว ๆ 2 ชั่วโมงก่อนที่จะนำไปย่างแล้วเข้าเตาอบอีกรอบ ทำให้เนื้อมีความนุ่มชุ่มฉ่ำ ไม่แห้ง ที่เคียงกันมาคือเห็ดพอเทอร์เบลโลสอดไส้ด้วยผักโขมอมชีส แพนเซตต้าซอสครีมกระเทียม หน่อไม้ฝรั่งและมะเขือเทศเชอร์รี่ ของหวานจานแรกเริ่มต้นด้วย Profiteroles หวานละมุนด้วยแป้งชูส์สอดไส้ไอศกรีมวานิลลา ราดช็อกโกแลตซอสและฮาเซลนัทคารามาไลซ์ แล้วปิดท้ายด้วยขนมสัญชาติอิตาเลียนแท้ ๆ อย่าง Italian Tiramisu ในแก้วเซรามิก ด้านล่างเป็นเลดี้ฟิงเกอร์ราดด้วยช็อตกาแฟและโปะด้วยชั้นครีมก่อนจะโรยผงโกโก้และช็อกโกแลตสุดเข้มข้นไว้ด้านบน ปิดท้ายมื้ออาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ

ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมวิวที่งดงามที่สุดในพัทยา ก็ไม่แปลกที่รอบ ๆ ‘เขาพระตำหนัก’ จะเรียงรายไปด้วยจุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ โดยล่าสุดนี้ก็มีน้องใหม่อย่าง Kliff Beach Club บีชคลับของโรงแรม Cross Pattaya Pratamnak มาช่วยเพิ่มสีสันอีกหนึ่งแห่ง Kliff Beach Club มาพร้อมกับดีไซน์ที่เรียบง่าย สบายตาด้วยสีเอิร์ธโทน และส่วนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลยก็คือ ซุ้มโค้ง ซึ่งแฝงตัวอยู่ตามจุดต่าง ๆ ทั่วทุกมุม ให้บรรยากาศแห่งความร่วมสมัยและเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ที่นี่นำเสนออาหารที่หลากหลาย ตั้งแต่เมนูสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนไปจนถึงอาหารไทย เช่น Fresh Oysters หอยนางรมสดเครื่องเคียงจัดเต็มทุกสไตล์ ทั้งน้ำพริกเผา หอมเจียว น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบไทย และซอสมินโญเน็ต สตาร์ทเตอร์อีกจานที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ Creammy Chardonnay Mussels หอยแมลงภู่ดำนำเข้าจากออสเตรเลียตัวอวบเนื้อหวาน อบซอสครีมชาร์ดอนเนย์ ที่มีส่วนผสมของไวน์ขาวไปด้วยกันได้ดีกับอาหารทะเล จานต่อมาเป็นเมนูพาสตา River Prawn Linguine Anglio e Olio ลิงกวินี่ซอสกระเทียมพริกแห้งและกุ้งแม่น้ำย่างเนยกระเทียม ที่ให้ความเผ็ดร้อนนิด ๆ สอดแทรกไปในทุกคำ เข้ากับกุ้งแม่น้ำเนื้อหวาน ส่งกลิ่นย่างเนยกระเทียมหอม ๆ Baked Seabass จานนี้สร้างความตื่นเต้นได้ไม่น้อย ด้วยเนื้อปลากระพงชิ้นใหญ่อบกับอัลมอนด์ ให้กลิ่นและรสสัมผัสที่แปลกใหม่ ราดซอสเลมอนเบอร์บล็อง หรือซอสเนยขาวแบบฝรั่งเศส ท็อปด้วยอัลมอนด์สไลด์ และเคียงด้วยผักหลากหลายชนิดมาในจานเดียวกัน ทั้งมะเขือเทศ พริกหวาน และผักโขม ถ้ามองหาอาหารรสชาติจัดจ้านแบบไทย ๆ ต้องยกให้กับ Crisp Skin Salmon Chu Chee ฉู่ฉี่ปลาแซลมอน เข้มข้นด้วยเครื่องแกงและกะทิ ไปด้วยกันได้ดีกับเนื้อแซลมอนและหนังแซลมอนที่ปรุงจนมีความกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวผัดไข่กระเทียม ที่บอกเลยว่ากลมกล่อมกินเพลินสุด ๆ ของคาวพร้อมขนาดนี้ ของหวานก็ไม่พร่องด้วยเช่นกัน ที่นี่มีเค้กมากหน้าหลายตาให้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็น White Chocolate Cheesecake ไวต์ช็อกโกแลตชีสเค้ก เนื้อเนียนนุ่มสอดแทรกด้วยความเปรี้ยวนิด ๆ หน่อย ๆ ตามแบบฉบับของชีสเค้ก เข้ากันได้ดีกับซอสเบอร์รี่ และ Chocolate Berry Cake เค้กช็อกโกแลตเนื้อแน่นจับคู่มากับเบอร์รี่หลากชนิด ก็เป็นอีกเมนูที่ไม่ควรพลาดเช่นเดียวกัน เพื่อให้สมกับการเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง Kliff Beach Club ยังมีบาร์เครื่องดื่มไว้คอยเพิ่มความสดชื่นควบคู่ไปกับมื้ออาหารด้วย อย่างเช่นค็อกเทลซิกเนเจอร์ที่มีชื่อว่า Greater Pattaya ซึ่งมาพร้อมกับการผสมผสานของสีแดงและส้มราวกับท้องฟ้ายามเย็น จดเข้าลิสต์ร้านอาหารน่าแวะในวันหยุดไว้ได้เลย

รายล้อมไปด้วยความเรียบง่ายของอาคารแถวเก่าแก่ภายในตลาดทรัพย์สินฯ แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา ณ มุมนึงที่เกือบติดกับแม่น้ำบางปะกงนั้นโดดเด่นสะดุดตาด้วยหน้าร้านที่แตกต่างไปจากอาคารแถวห้องอื่น ๆ จากกลิ่นอายของความคลาสสิคแบบตะวันตก อบอุ่นด้วยโทนสีเขียวเข้มและสีน้ำตาลจากไม้ พร้อมด้วยกระรอกตัวสีทอง ที่เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เรารู้ว่าได้มาถึง Beurre & Boulanger (เบิร์ค แอนด์ บูลองเช่) ร้านครัวซองต์เจ้าดังของแปดริ้วแล้ว ไม่ใช่แค่หน้าร้านเท่านั้นที่ต้อนรับด้วยโอบกอดที่แสนอบอุ่น เมื่อเข้ามาภายในแล้วก็จะได้รับอีกสัมผัสด้วยกลิ่นหอมกรุ่นของครัวซองต์อบใหม่ที่ชวนอุ่นไปทั้งใจพร้อม ๆ กับชวนน้ำลายสอในเวลาเดียวกัน และตรงกันข้ามกับตู้โชว์กระจกใจที่เรียงรายไปด้วยครัวซองต์มากหน้าหลายตานั้นคือห้องอบขนมที่เปิดให้ทุกคนได้เห็นกรรมวิธีการอบขนมกันสด ๆ การันตีว่าขนมของที่นี่โฮมเมดทุกชิ้นแน่นอน   Beurre & Boulanger มอบประสบการณ์การกินครัวซองต์ในแบบที่ต้องตาโตร้องว้าว เพราะเพียงแค่รสชาติ Plain นั้นก็มีให้ลองถึง 2 แบบด้วยกันคือ Butter Croissant A1 ครัวซองต์เนยฝรั่งเศสที่ให้กลิ่นหอมเนยเข้มข้น และ Butter Croissant A2 ครัวซองต์ที่ให้กลิ่นเนยฝรั่งเศสที่หอมนุ่มนวล โดยตัว A1 นั้นจะเป็นสูตรที่ทางร้านนำมาใช้กับครัวซองต์รสชาติซิกเนเจอร์อื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Crème Brûlée Croissant ครัวซองต์รสเครมบรูเล่ ที่ได้ทั้งความหอมเนยจากตัวแป้งและความนุ่มนวลจากเครมบรูเล่มาผสานกันอย่างลงตัว เสริมรสชาติด้วยผลไม้รสเปรี้ยวอย่างบลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ และส้ม Strawberry Matcha Croissant ก็เป็นอีกหนึ่งรสชาติยอดนิยมของร้าน เพราะการผสมผสานที่แตกต่างแต่ลงตัวของมัทฉะเข้มข้นแทรกรสชาติหวานนิด ๆ จากญี่ปุ่นกับรสชาติหวานอมเปรี้ยวของสตรอว์เบอร์รี่ บวกกับหน้าตาสุดอลังการและสีเขียวและแดงราวกับเทศกาลคริสต์มาส จึงเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ขึ้นกล้องสุด ๆ ส่วนของคาวที่ฮอตฮิตไม่แพ้กันต้องยกให้กับ Salmon Spinach Croissant ครัวซองต์เนื้อกรอบนอกนุ่มในโปะมาด้วยแซลมอนรวมควันชิ้นใหญ่ ผักโขม และชีส ที่ต้องเซอร์ไพรส์กับไส้ที่สอดมาแน่นๆ สามารถกินเป็นหนึ่งมื้อเบา ๆ ได้อยู่ท้องกำลังดี นอกจากครัวซองต์ที่นี่ก็มีเมนูเครื่องดื่มกาแฟ ช็อกโกแลต และชา ให้จิบคู่กันด้วย โดยมีเมนู Dark Chocolate เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะในแก้วนี้ใช้ช็อกโลแลตตัวเดียวกับที่ใช้ทำครัวซองต์ดาร์กช็อกโกแลตของร้านด้วย ไม่ใช่แค่ครัวซองต์เท่านั้นที่เป็นทีเด็ด ถ้าอยากลิ้มลองหลาย ๆ เมนู ที่นี่ก็ยังมีทั้งสโคนและฮันนี่โทสต์พร้อมเสิร์ฟด้วยเช่นกัน

“Dalah Restaurant” ร้านอาหารไทยที่ตั้งตระหง่านอยู่ใน Sheraton Hua Hin Pranburi Villas ท่ามกลางแมกไม้สีเขียวชอุ่มนานาพันธุ์ ให้คุณดื่มด่ำกับบรรยากาศสวยงามของธรรมชาติ พร้อมด้วยอาหารไทยรสเด็ด ที่มีทั้งคอมฟอร์ดฟู้ด และเมนูฤดูกาล ปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพ แถมยังมีไวน์รสเลิศที่ได้รับการคัดเลือกคุณภาพจาก ‘ไวน์ ออฟ เดอะ เวิลด์’ ให้สายดื่มจิบไม่รู้เบื่ออีกด้วย จานแรกเราสั่ง ปลาหมึกแดดเดียวปราณบุรี ปลาหมึกสดๆ ที่ส่งตรงมาจากชาวเล หมักซอสสูตรเฉพาะรสเค็มได้ที่ ทอดให้หอม กินคู่น้ำจิ้มหวานเข้ากัน คนรักเนื้อต้องสั่ง ลาบเนื้อสันในย่าง เนื้อสันในย่างเตาถ่านจนได้ความสุกพอดี ให้สัมผัสนุ่มฉ่ำลิ้น คลุกเคล้ากับเครื่องลาบหอมๆ อย่างเต็มพิกัด จนได้รสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ตามด้วย ยำกุ้งแชบ๊วยฟู เนื้อกุ้งแชบ๊วยเด้งๆ รสหวาน ทอดจนกรอบฟู ก่อนมิกซ์กับน้ำยำที่โดดเด่นด้วยรสหวาน และรสเปรี้ยวจากตัวมะม่วง ซดน้ำซุปร้อนๆ กับ แกงส้มไข่ปลาริวกิว ไข่ปลาริวกิวเนื้อนุ่มเด้ง ปลาเนื้อแน่น อยู่ในน้ำแกงส้มรสเปรี้ยวและเผ็ด ยังมี ทะเลผัดพริกเกลือ ที่รวมเอากุ้งเนื้อหวาน ปลาหมึกหนึบหนับ เนื้อปลาสดนุ่มหวาน ผัดพร้อมกระเทียมและพริกสดจนได้รสเข้มข้น กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา จานคอมฟอร์ดฟู้ดที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ล้างปากด้วยขนมหวานอย่าง Baked Pranburi Pineapple สับปะรดรสเปรี้ยวอมหวานแห่งอำเภอปราณบุรี ท็อปด้วยไอศกรีมกะทิโฮมเมดรสหวานมัน ชื่นใจ

Tag:

HOM (หอม) ห้องอาหารไฟน์ไดนิงใหม่ของ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท ตั้งอยู่ใน Sawan Pavillion ศาลาสีขาวซึ่งออกแบบให้งดงามราวกับสรวงสวรรค์ ระหว่างทางเดินไปห้องอาหารมีละอองน้ำที่จำลองว่าเป็นกลุ่มเมฆลอยผ่าน ส่วนการตกแต่งด้านในได้แรงบันดาลใจจากป่าหิมพานต์ชวนให้ตื่นตาตื่นใจ ไม่ใช่แค่บรรยากาศเท่านั้นที่พิเศษ แต่คอร์สเทสติงเมนูของ HOM ยังเป็นการทำงานร่วมกันของ เชฟริคาร์โด นูเนส (Chef Ricardo Nunes) และ เชฟมาเทโอ โพลังโค (Mateo Polanco) รังสรรค์จากวัตถุดิบท้องถิ่นผ่านเทคนิคการหมักดองแบบโบราณจนได้รสชาติใหม่ที่คาดเดายาก อาทิ เวลคัมดริงก์เสิร์ฟในกระถางต้นไม้ จิบแล้วสดชื่นจากเสาวรส น้ำสกัดจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และเกสรน้ำผึ้งให้เพลิดเพลินกับรูป รส กลิ่น เสียง Ruby Pomelo ส้มโอทับทิมสยามสีแดงสวยหมักด้วยดอกกุหลาบกลิ่นหอมบางๆ กระตุ้นความอยากอาหารเป็นอย่างดี Coconut, Caviar, Salted Macadamia ที่มีทั้งรสเค็มและหวานละมุนใน 1 คำ คาเวียร์รมควันจากฟาร์มหัวหินเสิร์ฟในชามที่ทำจากลูกมะพร้าวพร้อมเนื้อมะพร้าวอ่อน ซอสแมกคาดาเมียพูเร่ และลูกตาลดอง ก่อนกินเชฟแนะนำให้ใช้ช้อนขูดเนื้อมะพร้าวก่อนแล้วกินพร้อมกับคาเวียร์จะได้รสชาตินวลอยู่ในปาก Baby Squid, Tea Leave หมึกสดที่เชฟทำให้สุกด้วยเนยยีสต์ มาพร้อมน้ำซุปใสรสเค็มนิดเล็กน้อยและเปรี้ยวอ่อนๆ จากปลาหมึก ใบเมี่ยงดอง และมะนาวคาเวียร์ (Finger Lime) ที่บีบลงไปตอนท้าย Wild Boar เนื้อหมูป่าหมักจนได้รสเค็มกำลังดีจับคู่ซอสข้าวบาร์เลย์ โคจิ และทุเรียนดำ ส่วนของหวาน Sunflower เชฟนำเสนออามะซาเกะหรือสาเกหวานที่ทำจากข้าวของญี่ปุ่นในรูปแบบของเมล็ดทานตะวันอามะซาเกะพาร์เฟต์ โรยหน้าด้วยเกสรผึ้ง เสิร์ฟบนดอกทานตะวันสดที่เมื่อหยิบแล้วจะได้สัมผัสกลีบบางๆ ของดอกทานตะวันด้วย สนุกจนคำสุดท้าย

“Manita Café” คาเฟ่บรรยากาศโฮมมี่ที่เสิร์ฟเค้กโฮมเมดหน้าตาดี มาแล้วกว่า 10 ปี ตัวร้านโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้าของหมู่บ้านศุภาลัยการ์เด้นวิว จังหวัดระยอง ห้องกระจกใสที่ล้อมรอบด้วยสวนสวยเขียวขจีร่มรื่น ด้านในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีฟ้าน้ำทะเลสดใส เข้ากันดีกับผนังสีขาวเพนต์ลายการ์ตูนน่ารักรูปหม่ามี้จูงมือลูกสาว ซึ่งเปรียบเสมือนตัวเจ้าของร้านและ ‘น้องนิต้า’ ลูกสาวของเธอนั่นเอง จึงไม่แปลกที่เมนูใน Manita Café จะเน้นเสิร์ฟเป็นจานอร่อยที่น้องนิต้าชอบ ไม่ว่าเป็นแซนด์วิช ขนมเค้กโฮมเมด และเครื่องดื่มสดชื่น ที่ตกแต่งมาอย่างจัดเต็ม น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับน้องๆ หนูๆ นั่งเอง ตัวแรกเราสั่ง Ham Cheese Sandwich หอมกรุ่นมาแต่ไกล ขนมปังปิ้งชิ้นโตๆ ผิวนอกเกรียมนิดๆ ประกบชีสเยิ้มครีมมีและแฮมรสเค็มที่เรารัก ต่อด้วย Double Chocolate Fudge ชิ้นนี้สำหรับสาวกช็อกโกแลตโดยเฉพาะ เค้กช็อกโกแลตสไตล์โฮมเมดรสเข้มข้น ตัวแป้งให้สัมผัสนุ่มฟู สลับชั้นกับพุดดิ้งช็อกโกแลตรสหวานกำลังดี ตกแต่งด้วยวิปครีมและทองคำเปลวหรูหรา Coconut Malibu Cake หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ประจำร้าน เค้กมะพร้าวรสหวานมันเต็มพิกัดที่ได้จากกะทิสด เนื้อสัมผัสนุ่มแน่นกินเพลินๆ จิบคู่ Strawberry Shakerato Lemonade กาแฟเย็นสไตล์อิตาเลียนรสเข้มพอเหมาะ เคล้าน้ำสตรอว์เบอร์รีรสเปรี้ยวอมหวาน และน้ำเลมอน สดชื่น เอาใจคนรักกาแฟต่อเนื่องด้วย Manita Coffee Frappe กาแฟสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติจากเอสเปรสโซ่ช็อต  คาราเมล หอมหวาน ถั่วเฮเซลนัท ซินนามอน และเจลลี่ เนื้อนุ่มเด้ง จิบคลายร้อนชื่นใจ

คาเฟ่ฮอปเปอร์คนไหนมีโอกาสมาเที่ยวจังหวัดระยองต้องลองแวะ “Luscious Garden Café” คาเฟ่สไตล์อังกฤษร่มรื่นที่เย้ายวนคุณด้วยอาหารโฮมคุกสูตรคุณแม่ และขนมอบร้อนๆ จากเตา มาพร้อมบรรยากาศเย็นสบายจากสวนสวยสไตล์อังกฤษ แวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจี ที่คุณสามารถพาน้องหมาและแมวมาวิ่งเล่นได้อย่างสบาย (Pet Friendly)  ส่วนด้านในเป็นโซนห้องแอร์เย็นฉ่ำที่เน้นการตกแต่งด้วยสีขาวนวลเป็นหลัก ทั้งผนังอิฐแข็งแรง เฟอร์นิเจอร์ และเคาน์เตอร์บาร์รับออเดอร์ เรียกน้ำย่อยกันก่อนกับ สลัด Luscious เมนูดาวเด่นที่ใครมาก็ต้องสั่ง หมูย่างเนื้อนุ่มหอม กินกับไข่ต้มอิ่มเอม และผักสลัดกรุบกรอบ ราดน้ำสลัดสูตรเฉพาะที่ได้รสชาติหวานมันจากถั่ว มีเค็มปลายเล็กๆ ผสานกับความหอมของงาขาว ต่อด้วย ซุปเนื้อน่องลาย เนื้อคุณภาพตุ๋นได้ที่จนเนื้อสัมผัสนุ่ม อยู่ในน้ำซุปรสนุ่มนวลซดง่าย เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเผ็ดแซ่บ มาทางฝั่งของหวานกับบ้างดีกว่า เค้กครีมสดผลไม้ ที่เราเทใจให้เลย เค้กวานิลลาเนื้อนุ่มฟู สลับชั้นกับครีมสดครีมมี ท็อปด้วยผลไม้สดต่างๆ เช่น ส้มแมนดาริน องุ่นแดง เบอร์รีและสตรอว์เบอร์รี ก่อนกินราดนมสดเข้มข้นลงไปฟินสุดๆ เค้กมะพร้าวใบเตย โดดเด่นด้วยความหวานมันจากครีมสดที่ทำจากน้ำมะพร้าวหวานฉ่ำ เค้กเนื้อฟู หอมกลิ่นหอมใบเตย จิบพร้อม Big Red Sun Milk Tea ชานมเคนยาหอมฟุ้งรสหวานมัน มีไข่มุกบุกให้คุณดูดเพลินๆ ท็อปด้วยครีมชีสสูตรเด็ดที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ ก่อนกลับจิบชาร้อนล้างปากสบายใจ

1 Degrees North Cafe & Eatery” คาเฟ่แสนสวยยืนหนึ่งในปั้ม PT 1 องศา อเวนิวของ 2 พี่น้องคาเฟ่ฮอปเปอร์อย่างคุณแก้มและคุณกิฟ ตัวร้านเป็นบ้านโมเดิร์นสีขาวโพนตัดด้วยสีน้ำตาลไม้ กระจกใสแผ่นใหญ่หลายบานทำให้เรามองเห็นด้านในที่ตกแต่งเป็นสไตล์มินิมอล เรียบง่ายแต่น่านั่ง เฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลอ่อน เข้ากันดีกับผนังสีขาวสะอาดตา เติมความมีชีวิตชีวาด้วยต้นไม้กระถางน่าชม เมนูแรกเราสั่งเป็น Cotta Series ชาไทยรสหวานมันที่เพิ่มความเข้มข้นอย่างเต็มพิกัดด้วยนมสดคุณภาพ และฟองนมตีสดที่ให้สัมผัสละมุนลิ้น ตามด้วย Butter Beer ที่เป็นการรวมตัวกันของน้ำโซดาซาบซ่าสดชื่น ไซรัปบัตเตอร์สกอตช์รสหวานหอม และครีมชีสครีมมีที่ให้รสเปรี้ยวเล็กๆ ตบท้ายด้วย Double Dalgona Coffee กาแฟรสเข้มพอดี ผสานกับความหวานละมุนของทัลโกนา และนมสดหอมมัน ด้านบนตกแต่งด้วยฮันนีคอมบ์กรุบกรอบ ยังมีเครื่องดื่มหลายตัวเลยที่น่าจิบ

สายฟู้ดคนไหนแวะเวียนมาที่อำเภอบ้านฉางแห่งจังหวัดระยองอย่าลืมปักหมุด “MISAHOUSE” คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นของคุณนุ้ย – ณัชชา สุขสุภกิจ บิวตี้บล็อกเกอร์คนเก่งผู้ซึ่งรักการทำขนม (โดยเฉพาะขนมญี่ปุ่น) เป็นชีวิตจิตใจ เธอศึกษาการทำขนมจนเชี่ยวชาญก่อนกลับมาสานต่อกิจการร้านนี้ของครอบครัว และพัฒนาคอนเซ็ปต์และการตกแต่งให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่า มิสะเฮาส์นั้นเน้นเสิร์ฟ ‘ขนมญี่ปุ่น’ ทำเองควบคู่กับเครื่องดื่มรสสดชื่นที่คุณนุ้ยมักคิดสูตรใหม่ๆ อยู่เสมอ เสิร์ฟในบรรยากาศที่ภายนอกเป็นสวนสวยร่มรื่น ส่วนภายในร้านให้คุณสบายตาไปกับโทนสีขาวครีมในแบบฉบับมินิมอล เมื่อถึงเวลายามเย็น ทางร้านจะเปลี่ยนเป็นบาร์นั่งชิลเอาใจสายดื่มโดยเฉพาะ และนอกจากคาเฟ่แล้ว ภายในพื้นที่นี้ยังมีโฮสเทลราคาดีที่เป็นอีกหนึ่งกิจการของคุณนุ้ยเช่นกัน ต้อนรับด้วย วาราบิ สไตล์โฮมเมดทำสดใหม่ทุกเช้า เนื้อนิ่มนุ่มรสหวานเล็กๆ คลุกเคล้าผงถั่วคินาโกะหวานมัน ก่อนกินราดน้ำตาลทรายแดงเคี่ยวคุโรบิซึลงไป ต่อด้วยขนมหวานที่หลายคนเลิฟ โมจิหยดน้ำ เนื้อนุ่มเด้ง กินเพลินๆ เสิร์ฟเคียงผงถั่วคินาโกะรสหวาน ซอสคุโรบิซึที่คุ้นเคย ตัดเลี่ยนด้วยชาร้อนรสนุ่ม สาวกขนมญี่ปุ่นอย่าลืมสั่ง บุรามันเจะ พุดดิ้งนมถั่วเหลืองนิ่มๆ ครีมมี่ ตัดด้วยรสหวานของผงถั่วคินาโกะ และน้ำตาลเคี่ยวโรบิซึ ตามมาติดๆ กับ โมจิซากุระ แป้งโดเมียวจิสุชมพูอ่อนหวาน สอดไส้ถั่วแดงกวนเนื้อเนียน ห่อด้วยใบซากุระหอมฟุ้ง ยังมีเบเกอรีน่าสนใจอย่าง ชีสเค้กเลมอน ครัมเบิ้ลกรุบกรอบเป็นฐานล่าง ตามด้วยครีมชีสรสเปรี้ยวนิดๆ และเลมอนเคิร์ดรสเปรี้ยวอมหวาน เครื่องดื่มแนะนำ Rosy Float ชาผลไม้หอมๆ ได้ความหวานจากไซรัปกุหลาบผสมกับน้ำโซดาซาบซ่า ท็อปด้วยไอศกรีมวานิลลาชื่นใจ ส่วนใครคอกาแฟจะสั่ง Americano รสเข้มมาจิบช่วยกระตุ้นตอนเช้าก็ไม่ว่ากัน

“Cherocco Beach Club” บีชคลับน่าเช็คอินแห่งจังหวัดระยอง ตัวร้านโดดเด่นด้วยสไตล์โมร็อกโกน่าแชะรูปทุกมุม ผนังทุกส่วนมีส่วนเว้าโค้งดูแล้วเข้ากันดีกับบรรยากาศชิลๆ ที่หาดแสงจันทร์ ดื่มด่ำกับเสียงคลื่นและลมทะเลอย่างเต็มพิกัด พร้อมด้วยอาหารนานาชาติ และเครื่องดื่มชื่นใจ ป.ล ยามค่ำคืนที่นี่เขามีค็อกเทลรสชาติดีเสิร์ฟด้วยนะ ประเดิมด้วย เอ็นหอยจอบซาชิมิ เอ็นหอยจอบสดๆ ที่ส่งตรงจากชาวเล ผ่านการแล่อย่างดี ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดเปรี้ยว ตามด้วย กุ้งแม่น้ำราดซอสมะขามหมี่กรอบ กุ้งทอดตัวโตๆ ส่งกลิ่นหอม เสิร์ฟพร้อมหมี่กรอบกินเพลิน ราดน้ำจิ้มมะขามสูตรเฉพาะที่ให้รสหวานและเค็ม สปาเก็ตตีผัดพริกเกลือปูนิ่ม เส้นสปาเก็ตตีเหนียวนุ่ม ผัดพร้อมพริกแห้งร้อนแรง และกระเทียมกลิ่นหอม แถมยังมีปูนิ่มตัวใหญ่กรอบนอกนุ่มใน ถูกใจสาวกซีฟู้ด อย่าลืมสั่ง ขาหมูเยอรมัน ขาหมูชิ้นโตอลังการ ที่มีหนังกรอบๆ และเนื้อภายในชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมผักดองรสเปรี้ยว และน้ำจิ้มที่มีให้คุณเลือกอร่อยถึง 2 สูตร อาทิ น้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ และน้ำจิ้มซีอิ๊วหวาน ปิดท้ายด้วย Horlicks Cake เค้กช็อกโกแลตเนื้อนุ่มฟู สลับชั้นกับครีมมอลต์รสหวานมัน ท็อปด้วยอัลมอนด์กรุบกรอบ

มิชลินไกด์ปี 2019 แนะนำทั้งทีสายฟู้ดอย่างเราจะพลาดได้อย่างไรกับ “ก๋วยเตี๋ยวกั้งบ้านเพ” ร้านก๋วยเตี๋ยวเลื่องชื่อที่โดดเด่นด้วยน้ำซุปสูตรอร่อย สืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านกรรมวิธีเคี่ยวข้ามคืนจนได้น้ำซุปต้มยำรสกลมกล่อม และความมันนัวจากซอสต้มยำสูตรเฉพาะของร้าน ยิ่งเคล้ากับซีฟู้ดสดเด้งจากชาวเลยิ่งทวีความฟินเข้าไปใหญ่ ครั้งนี้เราแวะมาชิมที่สาขาดั้งเดิม ‘จังหวัดระยอง’ อร่อยกับก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ เสร็จแล้วก็เดินชมทะเลชิลๆ ต่อเลย จานแรกที่สั่งเป็น ปอเปี๊ยะกั้ง ตัวแป้งเป็นสีเหลืองทองให้สัมผัสกรอบๆ สอดไส้กั้งเนื้อแน่นๆ และผักสดต่างๆ ราดน้ำจิ้มหวานเข้ากันดี ตามด้วย ห่อหมกบ้านเพ ห่อหมกร้อนๆ รสชาติเข้มข้น ทำจากเนื้อปลาอินทรีย์สดหวานของตำบลบ้านเพ คลุกเคล้ากับเครื่องแกงรสเผ็ดพอดี ผัดไทยกั้ง เส้นผัดไทยนุ่มกำลังดี กินเพลิน มิ๊กซ์กับซอสมะขามสูตรลับที่โดดเด่นด้วยรสเปรี้ยวหวาน และกั้งตัวโตเนื้อสดที่คนรักซีฟู้ดเห็นแล้วต้องน้ำลายสอ ห้ามพลาดกับ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำข้น มันกุ้ง กั้ง ทะเล เนื้อปู เบสเป็นน้ำซุปต้มยำรสเผ็ดพอดี กินพร้อมเครื่องเคราต่างๆ อย่าง กั้งตัวใหญ่ๆ ปูเนื้อหวาน กุ้ง เนื้อเด้ง หมึก หนึบหนับ เกี๊ยวปลา และลูกชิ้นปลา ก๋วยเตี๋ยวแห้งยำ มันกุ้ง กั้ง ทะเล เนื้อปู ก็น่าสนใจ ยกขบวนซีฟู้ดอย่าง กั้งเนื้อหวานตัวบิ๊กเบิ้ม และเนื้อปูมหาศาล ราดพริกสดรสเผ็ดร้อน แซ่บถึงใจ หรือใครชอบก๋วยเตี๋ยวน้ำใสต้องนี่เลย  ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส มันกุ้ง กั้ง ทะเล เนื้อปู น้ำซุปรสนุ่มนวลซดเพลินๆ ซู้ดพร้อมเส้นหมี่เหนียวนุ่ม และอาหารทะเลที่เรารัก ก่อนกลับต้องจิบชามะนาวเย็นๆ ชื่นใจก่อน

Tag:

เรื่องดีๆ ที่ต้องขยาย ช่วงวีคเอนด์ที่ผ่านมาเราพากลุ่มก๊วนไปเที่ยวพัทยาแล้วแวะฝากท้องที่ Radius ห้องอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องเมนูเด็ดกับวิวสวยๆ บรรยากาศโปร่งโล่งนั่งรับลมเย็นๆ เดิมทีแพลนว่าจะเที่ยวหลายที่ สรุปอิ่มปุ๊บไม่อยากลุกไปไหนแล้ว Radius เป็นห้องอาหารริมทะเลอยู่ใน Cape Dara Resort Pattaya นั่งชิลได้ทั้งวัน แต่เราอยากแนะนำช่วงเย็นเป็นพิเศษ รีบมาให้ไวแล้วจับจองโต๊ะหน้าเพราะว่านี่คือที่สุดของวิว เราจะได้กินไปชมพระอาทิตย์ตกน้ำไปในมุมมองแบบพาโนรามา ส่วนเมนูเป็นฟิวชั่นที่พอชชั่นใหญ่มาก สั่งมาแชร์กันได้หลายคน เด่นๆ ที่อยากให้ลอง ได้แก่  Pizza Signature พิซซ่าหน้าแน่น โรยสลัดร็อกเก็ตและชีสพาเมซาน เราชอบความกรอบบางฉ่ำซอสสูตรเข้มข้น นานๆ ทีจะกินพิซซ่าได้หลายชิ้นแบบไม่อิ่มจุก แล้วยังเก็บพุงไว้กินจานอื่นได้อีกสบายๆ Pasta Penne Pasto Sauce ในขบวนพาสต้าทั้งหลายที่ได้ใจเรามากที่สุดคือพาสต้าซอสเพสโต ซึ่งที่นี่ก็ไม่ทำให้เราต้องผิดหวัง รสสัมผัสเข้มข้นมันนัว หอมกลิ่นโหระพา กระเทียม น้ำมันมะกอก และพาเมซานชีส ละเลียดกันแบบหมดจดแทบไม่รู้ว่าอดีตคืออะไร อีกจานคือ Japan Salmon สลัดแซลมอนสไตล์ญี่ปุ่น เด่นที่แซลมอนสไลซ์ชิ้นใหญ่ๆ เพิ่มความสดชื่นด้วยสลัดร็อกเก็ต อะโวคาโด หอมใหญ่ โรยงาขาวและงาดำ ราดตามด้วยน้ำสลัดรสเปรี้ยวนิดๆ ทั้งอร่อยทั้งชิลแบบนี้นั่งยาวๆ ที่นี่แล้วกัน