ปลุกกระแสวงการอาหารให้น่าจับตามองอีกครั้ง เมื่อร้าน Den Kushi Flori (เดน คูชิ ฟลูโลริ) ร้านมิชลินสตาร์ 1 ดาวจากเมืองชิบูยะ แห่งกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นการรวมตัวของ 2 เชฟเพื่อนซี้ เชฟซาอิยุ ฮาเซกาวา (Chef Zaiyu Hasegawa) จากร้าน Den ร้านอาหารแนวไคเซกิจากกรุงโตเกียว และเชฟฮิโรยาซุ คาวาเตะ (Chef Hiroyasu Kawate) จากร้าน Florilege ร้านอาหารแนวฝรั่งเศสโมเดิร์น ผสานทั้ง 2 ร้านนี้ด้วยคำว่า “Kushi” (อาหารเสียบไม้) เข้าไว้ด้วยกันจนกลายเป็นคอนเซ็ปต์ “Den Kushi Flori’s Style” โดยมี เชฟซุซุมุ ชิมิซุ (Chef Susumu Shimizu) มาสร้างปฐมบทแห่งการรังสรรค์เมนู “เนื้อ” ครั้งแรกในกรุงเทพฯ ที่อาคารเอราวัณ แบงค็อก ชั้น LG ให้เหล่าแฟนๆ นักชิมและผู้คลั่งไคล้รสชาติของเนื้อวัวชั้นดีได้ครึกครื้นกันอีกครั้ง เชฟซุซุมุ ชิมิซุ (Chef Susumu Shimizu) เชฟชาวญี่ปุ่น มาพร้อมกับมาดอันหล่อเหลาและลีลาการทำอาหารอันโดดเด่นที่น่าจับตามอง ส่วนตัวเชฟเองเล่าว่าชื่นชอบการกินและการทำอาหารมาตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นเด็กอ้วน เชฟมองว่าการทำอาหารเป็นเรื่องสนุก กระทั่งมีโอกาสได้ทำงานพาร์ตไทม์ในร้านอาหารญี่ปุ่นตั้งแต่อายุ 16 ปี หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้ 3 ปี จนได้เป็นเชฟและออกเดินทางทำงานในร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์อย่าง Le Jardin des Saveurs, Marc Veyrat Restaurant และที่อื่นๆ อีกมากมาย ในที่สุดก็ได้มาทำงานในร้าน Den และก้าวเข้าสู่ร้าน Den Kushi Flori จนได้มิชลินสตาร์ 1 ดาว   สำหรับมุมมองในการทำอาหารของเชฟ “แน่นอนว่าผมรักในการทำอาหาร ผมคิดว่าการสร้างสรรค์รสชาติและการแสดงต่อหน้าลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ การได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ผสานรสชาติและเทคนิคของญี่ปุ่นและฝรั่งเศสเข้าไว้ด้วยกันในสไตล์ของเราเองเป็นจุดแข็งของผมในวงการอาหารจนทุกคนยกให้เป็นนักมายากลแห่งเนื้อ เพราะผมเป็นคนรักเนื้อมาก!   “เมื่อตอนที่ผมมาเปิดร้านในกรุงเทพใหม่ๆ เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก และยังไม่กล้าครีเอตเมนูแปลกๆ เพราะไม่แน่ใจว่าคนไทยชอบกินอาหารประมาณไหน เลยกลายเป็นความทรงจำที่สนุกแล้วนำมาสู่จานซิกเนเจอร์ที่ผมอยากจะนำเสนอ โดยเป็นการผสมผสานรสชาติในฉบับของญี่ปุ่นและฝรั่งเศสเข้าไว้ด้วยกันอย่างเช่นเมนู Seaweed with Yogurt Mousse จานเรียกน้ำย่อยที่ได้ความสดชื่นจากมูสโยเกิร์ตเนื้อเนียน กินคู่กับยำสาหร่าย ได้รสเปรี้ยวอ่อนๆ จากมะนาว เมื่อคลุกรวมกันเรียกได้ว่าเป็น Perfect Combination”   นอกจากจานเรียกน้ำย่อยนี้ เชฟยังมีจานเนื้อสุดน่าลิ้มลอง สมดั่งฉายา “นักมายากลแห่งเนื้อ” Seaweed with Yogurt Mousse ส่วนผสม (สำหรับ 3-4 ที่) สาหร่ายทะเล (Salted Seaweed) 80 กรัม โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 60 กรัม นมสดรสจืด 30 กรัม เจลาติน 1.5 กรัม ครีมสำหรับทำอาหาร 100 กรัม มะนาวหั่นเสี้ยว 2 เสี้ยว ซีอิ๊วขาว 60 กรัม น้ำมันมะกอก (Extra Virgin Olive Oil) 40 กรัม เกลือทะเลสำหรับปรุงรสเล็กน้อย วิธีทำ ล้างสาหร่ายทะเลด้วยน้ำสะอาดจนเหลือความเค็มไว้เล็กน้อย ละลายเจลาตินแล้วนำไปผสมกับนมและโยเกิร์ตให้เข้ากัน คลุมด้วยพลาสติกใสแล้วใส่น้ำแข็งคลุมไว้ให้เย็นลงและแข็งตัวขึ้นเล็กน้อย ตีครีมสำหรับทำอาหารจนขึ้นฟูเล็กน้อย จากนั้นนำไปผสมกับโยเกิร์ตที่เตรียมไว้ ปรุงด้วยเกลือตามชอบ ชิมรส ปิดฝา แช่ในตู้เย็นจนเซ็ตตัว คลุกสาหร่าย ซีอิ๊วขาว น้ำมันมะกอก และน้ำมะนาวให้พอเข้ากัน ปรุงรสตามชอบ วิธีจัดจาน ตักมูสโยเกิร์ตวางกลางจาน ท็อปด้วยสาหร่ายที่เตรียมไว้ เสิร์ฟทันที

เมนูเรียกน้ำย่อยจากน้องๆ Young Chef ทีม Stellar_UTCC มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เนื้อปลาทูน่าสีแดงสดคลุกกับงาขาวและงาดำ จัดเสิร์ฟ 2 สไตล์ทั้งสุกและดิบ เพิ่มสีสันให้นึกถึงช่วงเวลาแห่งปาร์ตี้ด้วยผักย่างหลากสี กินคู่กับซอสมะยงชิด แตงโม และครีมอะโวคาโด ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่) ทูน่าหั่นเต๋าใหญ่ 100 กรัม งาขาวและงาดำสำหรับคลุก พาร์สลีย์และแผ่นทองคำสำหรับตกแต่ง วิธีทำ คลุกเนื้อปลากับงาให้ทั่วชิ้น นำไปย่างบนกระทะจนสุกตามชอบ พักไว้ ส่วนผสมและวิธีทำครีมอะโวคาโด เนื้ออะโวคาโด 120 กรัม | ซาวร์ครีม 100 กรัม | มาสคาร์โปเนชีส 10 กรัม | น้ำเลมอน 6 กรัม | น้ำผึ้ง 5 กรัม | เกลือทะเลและพริกไทยดำสำหรับปรุงรส ผสมซาวร์ครีมกับมาสคาร์โปเนชีสให้พอเข้ากัน ใส่เนื้ออะโวคาโด ผสมให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำเลมอน น้ำผึ้ง เกลือทะเล และพริกไทย ชิมรสตามชอบ เตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำซอสมะยงชิด เนื้อมะยงชิด 120 กรัม | น้ำตาลทราย 15 กรัม | เกลือทะเลสำหรับปรุงรสเล็กน้อย | น้ำเลมอนสำหรับปรุงรสเล็กน้อย ปั่นเนื้อมะยงชิดให้ละเอียด เทใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ใส่น้ำตาลทราย คนให้ละลาย ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำเลมอน คนให้พอเข้ากัน ชิมรส พักไว้ให้เย็น เครื่องเคียง แตงโมสกูปเป็นลูกกลม | ทูน่าสดหั่นเต๋า | ผักย่างต่างๆ เช่น มันฝรั่ง เห็ด แอสพารากัส และแครอต | แรดิช | ถั่วแระญี่ปุ่น   วิธีจัดจาน วางทูน่าคลุกงา ทูน่าสด และแตงโมสลับกัน ตกแต่งบนทูน่าด้วยครีมอะโวคาโด แผ่นทอง และพาร์สลีย์ให้สวยงาม ราดซอสมะยงชิดข้างจาน แล้ววางผักต่างๆ ตกแต่งด้วยครีมอะโวคาโดให้สวยงาม   เอื้อเฟื้อสูตรและทำอาหารสำหรับถ่ายภาพ นางสาววรรณนิภา บุญสวัสดิ์ และนางสาวอนุชดี สมนอก ทีม Stellar_UTCC มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผู้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากการแข่งขัน Gourmet & Cuisine Young Chef 2022

โรลเปาะเปี๊ยะที่ทำด้วยแป้งเวียดนาม นำไปทอดจนได้สัมผัสกรอบนิดหนึบหน่อยอร่อยลงตัว   ส่วนผสม แป้งเปาะเปี๊ยะเวียดนาม 10 แผ่น ไข่เจียวหั่นเป็นเส้น 2 ฟอง      แครอตหั่นเป็นเส้น 1 ถ้วย กะหล่ำปลีซอย 1 ถ้วย ต้นหอมหั่นท่อน 3 ต้น เนื้อกุ้งลวกสุก 20 ตัว ส่วนผสมน้ำจิ้ม ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูแดงสับ 1-2 เม็ด ขิงแก่สับละเอียด 2 ช้อนชา กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมซอย 1 ต้น วิธีทำ เตรียมน้ำจิ้มโดยผสมซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ น้ำส้มสายชูและน้ำเชื่อม คนให้เข้ากัน ใส่พริกขี้หนูสับ ขิงสับ กระเทียมสับ และต้นหอมซอย คนให้เข้ากัน พักไว้ นำแป้งเปาะเปี๊ยะทาน้ำให้นิ่ม วางกุ้งลวก ใส่ต้นหอม แครอต กะหล่ำปลี และไข่ พับม้วนให้แน่น พักไว้ ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย พอน้ำมันร้อนใส่เปาะเปี๊ยะลงทอดให้เหลืองทั้งสองด้าน จัดใส่จาน เสิร์ฟกับน้ำจิ้ม

เมนูนี้ออกจะแหวกแนวสักหน่อยด้วยการเอาหมูชาบูแผ่นบางๆ มาม้วนห่อไส้แล้วเอาไปทอดกรอบ รับรองความอร่อยค่ะ   ส่วนผสม วุ้นเส้น 70 กรัม กะหล่ำปลีซอย 100 กรัม แครอตขูดเป็นเส้น 1/2 หัว หมูสับ 100 กรัม กุ้งสับเอาแต่เนื้อ 100 กรัม หมูยอหั่นเป็นเส้น ซีอิ๊วฉูปัง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา กระเทียม ตามชอบ พริกไทย ตามชอบ ไข่ไก่ 2 ฟอง แป้งทอดกรอบ เกล็ดขนมปัง หมูสไลซ์อย่างแผ่นใหญ่และบางสุด 1 กิโลกรัม (ใช้ไม่หมด) วิธีทำ แช่วุ้นเส้นพอให้หายกระด้าง เอาน้ำมันหมูใส่กระทะ ใส่กระเทียมสับ ผัดให้หอม ใส่หมูสับ กุ้งสับ วุ้นเส้น กะหล่ำปลี และแครอต ปรุงรสด้วยซีอิ๊วฉูปัง ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย และพริกไทย ชิมให้อร่อย ผัดเส้นหมูยอในกระทะเทฟลอน ทาน้ำมันบางๆ ทำแบบนี้เพื่อให้หมูยอหอม แผ่แผ่นหมูบางๆ บนจาน โรยแป้งทอดกรอบริมๆ ขอบแผ่นหมู ใส่ไส้วุ้นเส้นผัดไม่ต้องมาก ใส่เส้นหมูยอ ม้วนให้แน่น คลุกกับแป้งทอดกรอบบางๆ ทำแบบนี้จนไส้หมด ตอกไข่ไก่ ตีเบาๆ เอาหมูม้วนชุบไข่แล้วคลุกเกล็ดขนมปังแบบเกล็ดเล็กๆ ทำแบบนี้จนหมด ตั้งน้ำมันมากๆ พอน้ำมันร้อน เอาตะเกียบลองจุ่มดู ถ้าเป็นฟองก็เริ่มทอดได้เลยค่ะ ทอดไฟกลางพอเกล็ดขนมปังเหลืองกรอบก็ใช้ได้ ส่วนผสมน้ำจิ้ม น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย น้ำส้มสายชูหมักจากสับปะรด 2 ถ้วย (ถ้าใช้น้ำส้มสายชูทั่วไปให้ลดปริมาณลงมากพอสมควร) ดอกเกลือ 2 ช้อนชา แครอตขูดเป็นเส้น 1/2 หัว หัวไชเท้าขูดปริมาณเท่าแครอต วิธีทำ ต้มน้ำตาลทรายกับน้ำส้มสายชูหมักจากสับปะรด และเกลือ พักให้เย็น ใส่แครอตและไชเท้า

เริ่มด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยอย่างคานาเป้ (Canapé) ซาชิมิเนื้อปลากะพงแดงจากทะเลไทย คลุกกับน้ำชุบหยำ หอมโดดเด่นจากกะปิคลองโคน เพิ่มความสดชื่นด้วยเนื้อสตรอว์เบอร์รีสดและไข่ปลาแซลมอนกับมะตูมแขก รสเปรี้ยวและเผ็ดอ่อนๆ ช่วยเพิ่มรสสัมผัสให้กับเมนูนี้   ส่วนผสม (สำหรับ 2-4 ที่) เนื้อปลากะพงแดงหั่นเต๋าเล็ก 1/2 ถ้วย กุ้งตัวเล็ก (เคย) ทอด 2 ช้อนโต๊ะ เนื้อสตรอว์เบอร์รีหั่นเต๋าเล็ก 3 ช้อนโต๊ะ ใบมะกรูดซอย 2-3 ใบ แผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะ 2 แผ่น มะตูมแขกสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย ไข่ปลาแซลมอนสำหรับตกแต่งเล็กน้อย ส่วนผสมน้ำชุบหยำ เนื้อกุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูซอย 5 เม็ด น้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำอุ่น 3 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ทำน้ำชุบหยำโดยห่อกะปิด้วยกระดาษฟอยล์ นำไปย่างบนกระทะประมาณ 2-3 นาทีให้พอหอม (อย่าย่างนานระวังไหม้) เตรียมไว้ ตำกุ้งแห้งพอละเอียด ใส่พริกขี้หนู หอมแดง ตำพอหยาบๆ ใส่กะปิแล้วตำต่อให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว และน้ำตาลมะพร้าว ใส่น้ำอุ่น ผสมให้เข้ากัน ชิมรส ทำทาร์ตเปาะเปี๊ยะโดยกดแผ่นแป้งให้เป็นวงกลมขนาด 7 นิ้ว กรุลงในพิมพ์ทาร์ตขนาด 6 นิ้ว แล้วใช้พิมพ์อีกชิ้นทับไว้ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 165 องศาเซลเซียส นาน 12 นาที หรือจนแป้งสีเหลืองสวย พักไว้ให้เย็น ในชามผสมใส่เนื้อปลากะพงแดงและน้ำชุบหยำคลุกให้พอเข้ากัน ใส่เนื้อสตรอว์เบอร์รีและใบมะกรูด ตักใส่ทาร์ตเปาะเปี๊ยะ โรยกุ้งทอด ตกแต่งด้วยไข่ปลาแซลมอน ใบมะกรูดซอย และมะตูมแขก เสิร์ฟทันที

อร่อยแซ่บด้วยเมนูเกี๊ยวกรอบต้มยำที่ใส่หมูสับมาแบบไม่มีหวง กินเพลินร้อนแรงรับซัมเมอร์ไปเลย   ส่วนผสม แป้งเกี๊ยว 25-30 แผ่น เนื้อหมูสับ 300 กรัม ต้นหอมซอย 1 ต้น ผักชีซอย 1 ต้น สามเกลอตำละเอียด (รากผักชี กระเทียม พริกไทย) 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา พริกขี้หนูป่น 2 ช้อนชา น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ถั่วลิสงป่น 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืชสำหรับทอด วิธีทำ แบ่งหมูสับครึ่งหนึ่งผสมกับสามเกลอตำ ใส่ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และแป้งข้าวโพด คลุกให้เข้ากัน นำไปห่อด้วยแป้งเกี๊ยว แล้วทอดให้เหลืองกรอบ พักไว้ รวนหมูบดที่เหลือให้สุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย พริกป่น ใส่ถั่วลิสงป่น กระเทียมเจียว ต้นหอม และผักชีซอย คลุกให้เข้ากัน จัดเกี๊ยวทอดใส่จาน ตักเครื่องหมูสับราดให้ทั่ว โรยต้นหอม ผักชีอีกครั้ง

ซาลาเปาลูกเล็กไซส์มินิ ใครว่าทำซาลาเปาเป็นเรื่องยุ่งยาก ทำตามสูตรนี้เลย จะเก็บไว้กินหรือทำแจก ทำขายได้กำไรเห็นๆ ส่วนผสมแป้งเชื้อ  แป้งเค้ก 1 ถ้วย -ยีสต์ผง 1 1/2 ช้อนชา  -น้ำตาลทรายขาว 2 ช้อนชา -น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย ส่วนผสมแป้งซาลาเปา แป้งเค้ก 3/4 ถ้วย น้ำตาลทรายขาว 1/4 ถ้วย ผงฟู 1 ช้อนชา เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ ไส้ซาลาเปา (ไส้หมูสับ และไส้ครีมช็อกโกแลต) ส่วนผสมไส้หมูสับ เนื้อหมูสับ 200 กรัม รากผักชี กระเทียม พริกไทย ตำละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำไส้หมูสับ ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วนวดนาน 15 นาทีจนส่วนผสมนุ่มเป็นเนื้อเดียวกัน นำไส้หมูสับมาห่อด้วยแป้งซาลาเปา จับจีบให้สวยงาม วางบนกระดาษ พักไว้ 10 นาทีก่อนนำไปนึ่งให้สุก ส่วนผสมไส้ครีมช็อกโกแลต ไข่แดง 3 ฟอง น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ  ผงโกโก้ 1/4 ถ้วย  นมสด 1 ถ้วย  เนยสดเค็ม 3 ช้อนโต๊ะ ดาร์กช็อกโกแลตสับ 1/4 ถ้วย วิธีทำไส้ครีมช็อกโกแลต คนไข่แดงกับน้ำตาลทรายให้เข้ากันจนเป็นครีม ใส่แป้งข้าวโพด คนต่อให้เข้ากัน ใส่ผงโกโก้ คนให้พอเข้ากัน เติมนมสด คนให้เข้ากันแล้วกรองใส่หม้อ  ตั้งไฟกวนจนส่วนผสมสุกข้น ยกลง ใส่เนยสดและดาร์กช็อกโกแลตสับ คนให้เข้ากันจนข้น  ตักใส่ชามปิดด้วยพลาสติกใส พักไว้จนส่วนผสมเย็นสนิท นำไปเป็นไส้ซาลาเปา วิธีทำซาลาเปา  ทำแป้งเชื้อโดยผสมแป้งเค้ก ยีสต์ น้ำตาล และน้ำเปล่า คนส่วนผสมให้เข้ากัน นวดต่อจนแป้งไม่ติดมือ แล้วพักไว้ประมาณ 40-45 นาทีจนแป้งขึ้นเป็น 2 เท่า ใส่แป้งเค้ก น้ำตาล ผงฟู เกลือ น้ำมัน และน้ำเปล่าลงในชามผสมแป้งเชื้อ ใช้พายยางคนส่วนผสมให้พอเข้ากันจนจับตัวเป็นก้อน นวดต่อจนแป้งซาลาเปาเนียนนุ่ม ไม่ติดมือ แบ่งแป้งที่นวดออกเป็นก้อนละประมาณ 10-15 กรัม (ได้ประมาณ 25-30 ก้อน) แบ่งเป็น 2 ส่วน  ส่วนที่ 1 นำมาคลึงแต่ละก้อนให้กลม กดให้แบนเล็กน้อย ใส่ไส้หมูสับ จับจีบแป้งหุ้มไส้ วางบนกระดาษ พักไว้ให้ขึ้นเป็น 2 เท่า นำมานึ่งประมาณ 10 นาทีจนสุก แป้งส่วนที่ 2 คลึงแป้งแต่ละก้อนให้กลม กดให้แบนเล็กน้อย ใส่ไส้ครีมช็อกโกแลต รวมชายแป้งแล้วหงายด้านเรียบขึ้น วางด้านชายแป้งบนกระดาษ พักไว้ให้ขึ้นเป็น 2 เท่า นำมานึ่งประมาณ 10 นาทีจนสุก

ผัดไทยที่เราคุ้นเคยดี นำมาทำเป็นอาหารกินเล่นเรียกน้ำย่อย ใช้เต้าหู้ญี่ปุ่นหั่นชิ้นเล็กพอคำ ราดด้วยซอสผัดไทยรสเปรี้ยว เค็ม หวาน และเครื่องเคราของผัดไทยอย่างครบครัน   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) เต้าหู้ญี่ปุ่นโมเมน 2  ชิ้น แป้งทอดกรอบประมาณ 1/4 ถ้วย กุยช่ายหั่นท่อน 2-3 ต้น ถั่วงอก 1/4 ถ้วย ไชโป๊สับ 2 ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเส้น 1 ช้อนโต๊ะ ซอสผัดไทย 1 ถ้วย น้ำมันพืชสำหรับทอดและผัดเล็กน้อย ถั่วลิสงคั่วบุบสำหรับโรยหน้า มะนาวหั่นเสี้ยวสำหรับเสิร์ฟ วิธีทำ หั่นเต้าหู้ให้เป็นชิ้นขนาดพอดีคำ คลุกแป้งทอดกรอบบางๆ แล้วทอดในน้ำมันร้อนจนเต้าหู้มีสีเหลืองสวย ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ใส่หอมแดงลงผัดจนสุกนุ่ม ใส่ไชโป๊สับลงผัดจนมีกลิ่นหอม ใส่น้ำซอสผัดไทยลงไปผัดให้ร้อน ชิมและปรุงรสเพิ่มได้ตามชอบ ปิดไฟ พักไว้ วางเต้าหู้ทอดบนจาน ราดซอสผัดไทย วางไชโป๊ กุยช่าย ถั่วงอก โรยด้วยถั่วลิสงบุบและพริกชี้ฟ้าแดง เสิร์ฟพร้อมมะนาวหั่นเสี้ยว

ลูกตาสุดแฟนซี ใช้ชีสมอซซาเรลลาสดยัดไส้มะกอกสอดไส้พริก พันด้วยปาร์มาแฮมสีชมพูเนื้อนุ่ม รสชาติเค็มมันสุดฟิน ชวนให้เราได้อินไปกับบรรยากาศยามค่ำคืนในวันเฉลิมฉลองฮัลโลวีน ส่วนผสม (สำหรับ 2-4 ที่) ชีสมอซซาเรลลาสดลูกเล็ก 12 ลูก มะกอกสอดไส้พริก 12 ลูก ปาร์มาแฮมสไลซ์บาง 100-200 กรัม วิธีทำ ใช้ช้อนหรือมีดปลายแหลมตักชีสมอซซาเรลลาตรงกลางออก ยัดไส้มะกอกสอดไส้พริกที่ผ่าครึ่ง พันด้วยปาร์มาแฮมแล้วจัดเรียงบนจานให้สวยงาม

“Samlor สามล้อ” ร้านอาหารร้านใหม่อยู่ตรงมุมตึกของ เชฟโจ-ณพล จันทรเกตุ ที่ควงคู่มากับเชฟรุ่นน้อง เชฟบอม-ปิยะพงษ์ มิ่งงาม กับเมนูสตรีทฟู้ดที่เราคุ้นเคยอย่างข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง (ซึ่งสร้างสรรค์อย่างไม่ธรรมดา) ส่วนมื้อเย็นแปลงร่างเป็นบาร์เสิร์ฟกับแกล้มรสเด็ด     เราคุ้นหน้าเชฟโจเป็นอย่างดีจาก เชฟและผู้ก่อตั้งร้าน 80/20 ร้านมิชลินสตาร์ 1 ดาว ที่ใช้เทคนิคสมัยใหม่ทำอาหารไทยโดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและเสิร์ฟให้ดูโมเดิร์น ปัจจุบัน เขาได้เปลี่ยนแนวจากอาหารไทยโมเดิร์นมาทำอาหารที่เข้าใจง่ายอย่างสตรีทฟู้ด และกับแกล้ม   เชฟโจเล่าว่า เขาอยากทำอาหารให้เป็นเรื่องสนุก เมื่อได้พื้นที่หัวมุมถนนแยกสี่พระยานี้จึงเกิดไอเดียเปิดร้านขายกับแกล้มดีๆ พร้อมเครื่องดื่ม เหมาะกับคนที่กินมื้อค่ำแล้วอยากจะหาร้านนั่งดื่มต่อ จึงเป็นที่มาของร้านใหม่นี้ และได้ “บอม” เชฟหนุ่มผู้มีประสบการณ์การทำงานจากประเทศญี่ปุ่นที่มีแนวคิดในการทำอาหารคล้ายกันมาเป็นหัวหน้าเชฟ   ร้านสามล้อเสิร์ฟเมนูมื้อกลางวัน และมื้อเย็นแตกต่างกันมาก โดยมื้อกลางวันเป็นอาหารสตรีทฟู้ดที่นำเทคนิคการทำอาหารแบบสากลเข้ามาใช้ เช่น ข้าวขาหมูรมควันไม้ลำไย โดยนำขาหมูมารมควันแบบแฮมแต่ใส่เครื่องเทศผงพะโล้ที่เป็นหัวใจหลักของขาหมู พอตกเย็นร้านแปลงร่างเป็นบาร์เน้นกับแกล้มอินเตอร์ที่มีรสชาติไทยๆ มาให้คุ้นลิ้น   ตัวอย่างกับแกล้มจานเด็ดจานนี้เกิดจากเชฟทั้งสองเป็นคนชอบดื่ม อาหารที่เข้ากับเครื่องดื่มเย็นๆ ได้ดีต้องเป็นอาหารรสจัดอย่าง Prawn Ceviche หรือที่เข้าใจง่ายก็คือ กุ้งแช่น้ำปลา ที่ใช้กุ้งสดๆ มาดองกับน้ำปลา หั่นเนื้อกุ้งเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กแบบทาร์ทาร์เคล้ากับน้ำยำที่เป็นน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน เติมมันแกวเพื่อให้เนื้อสัมผัสกรุบกรอบ เพิ่มรสให้มีกลิ่นหอมด้วยสมุนไพรไทยอย่างผักชี ต้นหอม และผักชีลาว เสิร์ฟมาคู่กับข้าวเกรียบแผ่นบางที่ทำมาจากข้าวมันไก่ (ที่เหลือจากมื้อกลางวัน) นำไปปั่น อบเป็นแผ่นในตู้ลมร้อน แล้วทอดจนพองกรอบ กินแล้วต้องรีบสั่งเครื่องดื่มมาจิบ สมกับเป็นเมนูกับแกล้มตัวจริง   รสเด็ดแบบนี้ตอนกลางวันเรียกสามล้อ ตกเย็นเปลี่ยนเป็นยกล้อได้เลย     กุ้งแช่น้ำปลา (Prawn Ceviche Thai Style)   ส่วนผสม (สำหรับ 1-2 ที่) กุ้งขาวหั่นชิ้น 80 กรัม น้ำจิ้มซีฟู้ด 2 ช้อนโต๊ะ ผักชีลาว ผักชี ต้นหอม มันแกว หอมแดงสับ กระเทียมสับ พริกขี้หนูซอยอย่างละเล็กน้อย วิธีทำ ผสมทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรส

  แซลมอนรมควันรสเค็มเข้ากันได้ดีกับอะโวคาโดเนื้อนุ่ม ทาขนมปังด้วยครีมชีสสเปรดผสมวาซาบิให้รสเผ็ดฉุน แต่งหน้าด้วยไข่แซลมอนสีส้มแวววาว   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) ครีมชีสสเปรด  3 ช้อนโต๊ะ วาซาบิ  1/4  ช้อนชา ขนมปังซาวร์โดสไลซ์ 2 แผ่น                  อะโวคาโดสไลซ์บาง 1 ผล แซลมอนรมควัน 100 กรัม ไข่ปลาแซลมอน 2 ช้อนโต๊ะ ผักชีลาว และซอสฮันนี่มัสตาร์ดเล็กน้อย วิธีทำ ผสมครีมชีสสเปรดกับวาซาบิให้เข้ากัน ปิ้งขนมปังซาวร์โดให้พอร้อน ทาด้วยสเปรดให้ทั่ว วางอะโวคาโดสไลซ์ แซลมอนรมควัน ไข่ปลาแซลมอน ตกแต่งด้วยผักชีลาว และซอสฮันนี่มัสตาร์ดเล็กน้อย

  เปาะเปี๊ยะเวียดนามแป้งบางเหนียวนุ่ม สอดไส้หมูสับรสเข้มข้น ชุ่มฉ่ำ อร่อยทำง่าย กินเพลิน   ส่วนผสม เนื้อหมูบด 250  กรัม ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 1 ช้อนชา น้ำมันงา 1  ช้อนชา กระเทียมสับ  1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย  1 1/2 ช้อนชา ต้นหอมซอย 1 ต้น แป้งเปาะเปี๊ยะเวียดนาม วิธีทำ สับเนื้อหมูกับกระเทียมเข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่ชามไว้ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว พริกไทย น้ำตาล น้ำมันงา และต้นหอมซอย คลุกให้เข้ากัน นำแป้งเปาะเปี๊ยะแช่น้ำพอนิ่ม วางบนจาน ใส่ส่วนผสมหมูสับ ห่อให้สวยงาม ทาน้ำมันที่จานสำหรับนึ่ง เรียงเกี๊ยวหมู นึ่งในน้ำเดือดไฟแรงจนสุก จัดใส่จาน เสิร์ฟกับซอสเปรี้ยว

  เปลี่ยนซาลาเปาหมูสับ ติ่มซำยอดนิยมแบบธรรมดา ที่เคยพบเห็นให้แปลกใหม่ยิ่งขึ้น ด้วยวิธีการทอดน้ำ ตัวแป้งจะเหนียวนุ่ม หนึบหนับและกรอบเล็กน้อย อร่อยถูกปากคนทุกวัยแน่นอน   ส่วนผสมแป้ง แป้งสาลีอเนกประสงค์  2 ถ้วย แป้งเค้ก 1 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ผงฟู 1 ช้อนชา ผงยีสต์ 1 1/2 ช้อนชา น้ำอุ่น 1 ถ้วย น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมไส้ เนื้อหมูสับ 500 กรัม ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น  1/4 ช้อนชา ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1 1/2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมและผักชีซอย 1/4 ถ้วย วิธีทำ ทำแป้งซาลาเปาโดยผสมแป้งสาลี แป้งเค้ก น้ำตาล เกลือ ผงฟู และผงยีสต์ คนให้เข้ากัน ใส่น้ำอุ่น คนให้เข้ากัน ใส่น้ำมัน ผสมให้เข้ากันเป็นก้อน พักแป้งไว้ 30-45 นาที ผสมหมูสับ ซีอิ๊วขาว เกลือ ซอสหอยนางรม น้ำมันงา น้ำตาล  และแป้งข้าวโพด ผสมให้เข้ากัน ใส่ต้นหอมและผักชีซอย คลุกรวมกัน แช่เย็นไว้ นวดแป้งเพื่อไล่อากาศ ตัดแบ่งเป็นก้อน ก้อนละ 40-50 กรัม คลึงแป้งเป็นก้อนกลม พักไว้ 10 นาทีจนแป้งขึ้นอีกครั้ง นำแป้งมาแผ่เป็นแผ่น ตักไส้หมูสับใส่ หุ้มแป้งให้มิด กดให้แบนเล็กน้อย พักไว้ ตั้งกระทะโดยใช้ไฟอ่อน ใส่น้ำมันเล็กน้อย เรียงซาลาเปา ทอดให้เหลือง กลับอีกด้านลงทอดสักครู่ เติมน้ำเล็กน้อย ปิดฝาทอดต่อจนเหลือง จัดใส่จาน 

  สีสันสดใสของหน้าแซนด์วิชเป็นอีกหนึ่งความสนุกรับซัมเมอร์ได้ดี แซนด์วิชหน้าเปิดเป็นเมนูที่กินง่ายได้ทุกมื้อ หน้าแซนด์วิชทำได้หลากหลายตามใจชอบ ลองดูจากไอเดียเหล่านี้ได้เลย   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) ขนมปังฝรั่งเศส หรือขนมปังฟาร์มเมอร์เบรดสไลซ์ นำมาปิ้งปริมาณตามชอบ เนยจืดเล็กน้อย ส่วนผสมหน้าที่ 1 แซลมอนรมควัน ผักชีลาว เคเปอร์ ครีมชีสสเปรด เลมอนสไลซ์   พริกไทยดำ ส่วนผสมหน้าที่ 2 สตรอว์เบอร์รีสไลซ์ เฮเซลนัตสเปรด ไพน์นัตอบ น้ำผึ้ง สะระแหน่ ส่วนผสมหน้าที่ 3 ไข่ต้ม มายองเนสผสมมัสตาร์ด มะเขือเทศเชอร์รีหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ต้นหอมซอย พริกไทยดำ ส่วนผสมหน้าที่ 4 อะโวคาโดสเปรด ไข่ต้มสไลซ์ พริกปาปริกาป่น ไมโครกรีน ส่วนผสมหน้าที่ 5 บีตรูตบด อัลมอนด์สไลซ์อบ ไมโครกรีน ส่วนผสมหน้าที่ 6 พริกหวานย่างผสมมะเขือเทศบด มะเขือเทศเชอร์รีสีเหลืองสไลซ์ย่าง ชีสริคอตตา ใบไทม์ วิธีทำ ปิ้งขนมปังให้หอมกรอบ ทาเนย จัดวางหน้าต่างๆ ลงบนขนมปังให้สวยงามตามชอบ

  Légumes à la Grecque (ลีกูม อา ลา แกรก) เป็นชื่ออาหารชนิดหนึ่งซึ่งเป็นการทำผักให้เก็บไว้ได้หลายวันของฝรั่งเศส วิธีการทำนี้เรียกว่าเป็นการทำตามแบบของกรีก   อาหารจานนี้ทานเย็น จัดเป็น Hors d’Oeuvre ที่เสิร์ฟก่อนมื้ออาหาร เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยจานแรก หรือทานเล่นทั่วไปก็ได้ ในฝรั่งเศสมักจะเห็นขายทั่วไป ผักที่รู้จักกันและนิยมนำมาทำมากที่สุดคือเห็ดแชมปิญองเรียกว่า  Champignons à la Grecque   ตามจริงแล้วผักเนื้อแน่นหลากหลายชนิดสามารถนำมาทำได้ เช่น แครอต ซุกกินี พริกหวาน ดอกกะหล่ำ หอมเล็ก ถั่วแขก ฯลฯ วิธีการดองใช้ไวน์ขาว น้ำเลมอน ใส่กระเทียม ลูกผักชี และส่วนผสมอื่นๆ โดยนำผักไปต้มในไวน์ให้สุก ดองและแช่เย็นไว้ก่อนทาน ผักที่ใช้ดองจะใช้เฉพาะเห็ด หรือผักต่างๆ รวมกันก็ได้   วิธีการทำนี้จัดเป็นการดองผักอย่างสุกและเร็ววิธีหนึ่ง   Légumes à la Grecque ส่วนผสมน้ำดองผัก ไวน์ขาว 2 ถ้วย ลูกผักชี 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเลมอน 1/2 ถ้วย ผิวเลมอน 5-6 ชิ้น น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วย พาร์สลีย์ 4-5 ก้าน ใบไทม์ 2-3 กิ่ง กระเทียม 3 กลีบ หอมหัวใหญ่สับ 1/2 ถ้วย มะเขือเทศเข้มข้น (Tomato Paste) 1 ช้อนโต๊ะ (ไม่ใส่ก็ได้) เกลือ พริกไทย และพริกป่น ส่วนผสมผัก เห็ดแชมปิญอง แครอตหั่นชิ้นเล็ก ถั่วแขก ซุกกินี ดอกกะหล่ำหั่นเป็นดอกเล็ก วิธีทำ ใส่น้ำมันมะกอกในหม้อก้นหนา 2 ช้อนโต๊ะ พอร้อนใส่หอมหัวใหญ่ ผัดจนสุกใส เติมไวน์ขาว ต้มจนเหลือครึ่งหนึ่ง ใส่ลูกผักชี น้ำเลมอน ผิวเลมอน พาร์สลีย์ ใบไทม์ กระเทียม เกลือ พริกไทย พริกป่น และมะเขือเทศเข้มข้น ต้มนานประมาณ 5 นาที ชิมให้รสจัดและรสเปรี้ยวนำ ใส่เห็ดลงไปต้มนาน 7-10 นาที ตักขึ้น พักไว้ ต้มแครอต 5 นาที ตักขึ้น ต้มถั่วแขก ซุกกินี และดอกกะหล่ำ 6-7 นาที ตักขึ้น ใส่น้ำมันมะกอกที่เหลือ ชิมรสน้ำที่เหลือ ปรุงให้รสจัด ราดผักที่สุกแล้ว หรือใส่ผักที่ลวกแล้วทั้งหมดลงไปดองไว้ แช่เย็นไว้ 1 คืนก่อนทานจะอร่อยขึ้น Note เมื่อตักผักขึ้นแล้ว น้ำที่เหลือต้มให้งวดแล้วนำไปดองผักครั้งต่อไปได้

  เมนูเรียกน้ำย่อยกินเล่นจานอร่อย ใช้เนื้อปลาทูน่าเคล้ากับอะโวคาโดซูเปอร์ฟู้ดที่ช่วยบำรุงผิว บำรุงสายตา มีไขมันดีชะลอความแก่ วางบนสาหร่ายกรอบที่มีประโยชน์ช่วยให้ผมดกดำเงางาม   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เนื้อปลาทูน่าดิบหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ถ้วย มายองเนสไขมันต่ำ 1/4 ถ้วย  อะโวคาโดหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ผล แตงกวาญี่ปุ่นหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ผล หอมแขกหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 3 ช้อนโต๊ะ                        เกลือป่นและพริกไทยป่นอย่างละเล็กน้อย ส่วนผสมสาหร่ายกรอบ สาหร่ายโนริหั่นชิ้นสามเหลี่ยมขนาดประมาณ 3 นิ้วปริมาณตามชอบ แป้งทอดกรอบ 1/4 ถ้วย น้ำเย็นจัด 1/2 ถ้วย น้ำมันพืชสำหรับทอด วิธีทำ ผสมแป้งทอดกรอบกับน้ำเย็น นำสาหร่ายลงชุบแล้วทอดในน้ำมันร้อนทันที ใช้ไฟแรงปานกลางจนแป้งกรอบเหลือง ตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน เคล้าเนื้อปลาทูน่ากับมายองเนส อะโวคาโด แตงกวาญี่ปุ่น หอมแขก ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ชิมรส ตักทูน่าใส่บนสาหร่าย เสิร์ฟทันที

  “แซนด์วิชโบราณ” ชื่ออาจจะไม่โบราณเท่าไร แซนด์วิชนี้หลายคนน่าจะเห็นมาแต่เด็กๆ เป็นขนมปังแผ่นที่ประกบกับโบโลน่า ใส่หมูหย็องตรงกลาง ราดน้ำสลัดรสหวานๆ   ส่วนผสม   ขนมปังแซนด์วิช 12-16 แผ่น โบโลน่าหมูผสมไก่ 6 แผ่น หมูหย็อง 3/4 ถ้วย ไข่ฟองใหญ่ 1 ฟอง น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา มัสตาร์ดครีม 2 ช้อนชา น้ำมันพืช 1/3 ถ้วย น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ทำน้ำสลัดโดยตีไข่ น้ำตาล นมข้นหวาน และเกลือเข้าด้วยกัน ตุ๋นบนหม้อน้ำเดือดจนไข่และน้ำตาลเข้ากัน ยกลง คนต่ออีกสักครู่ ใส่มัสตาร์ดครีม คนให้เข้ากันอีกครั้ง ใส่น้ำมันสลับกับน้ำส้มสายชู ตีจนเข้ากัน (ถ้าตีแล้วยังไม่ข้นให้ปั่นด้วยเครื่องปั่นน้ำผลไม้ประมาณ 5 นาทีจะข้นขึ้น) วิธีประกบแซนด์วิช ทาน้ำสลัดที่ขนมปัง 1 แผ่นให้ทั่ว วางโบโลน่า 1 แผ่น ทาน้ำสลัดที่ขนมปังแผ่นที่ 2  แล้ววางบนโบโลน่า ทาน้ำสลัดอีกครั้ง ใส่หมูหย็อง ทาน้ำสลัดบนขนมปังแผ่นที่ 3 แล้ววางประกบหมูหย็อง ทาน้ำสลัด วางโบโลน่า ทาน้ำสลัดบนขนมปังแผ่นที่ 4 แล้ววางบนโบโลน่า ตัดทแยงมุมเป็น 2 ชิ้น ทาน้ำสลัดเพิ่มได้ตามชอบ

  เมนูอร่อยสุขภาพดีอย่างเปาะเปี๊ยะสดใส่ไส้ได้สารพัดตามใจชอบทั้งผักสด กุ้งตัวโตรสหวาน รวมทั้งถั่วเยลโลว์พีต้มสุกสีเหลืองสวยดูน่ากิน   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) กุ้งต้ม 6-12 ตัว ถั่ว Yellow Peas ต้มสุก 1/2 ถ้วย หอมแขกสไลซ์ 1/4 ถ้วย แครอตขูด 1/4 ถ้วย ผักกาดหอม ใบโหระพา และใบสะระแหน่ปริมาณตามชอบ แป้งเปาะเปี๊ยะเวียดนาม                             ส่วนผสมน้ำจิ้ม น้ำส้มสายชูหมัก 1/2 ถ้วย น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ กระเทียม 2 กลีบ พริกชี้ฟ้าแดง (กรีดเมล็ดออก) 2 เม็ด เกลือทะเลเล็กน้อย แครอตขูดและแรดิชหั่นฝอยรวมกันประมาณ 1/2 ถ้วย วิธีทำ ทำน้ำจิ้มโดยต้มน้ำส้มสายชู น้ำ น้ำตาล เกลือ กระเทียม และพริกชี้ฟ้าแดงในหม้อใบเล็ก ต้มจนพริกและกระเทียมนุ่ม ตักพริกและกระเทียมขึ้นมาปั่นหรือตำให้ละเอียด เทกลับใส่หม้อ พักไว้ให้เย็นสนิท ชิมรส ใส่แครอตขูดและแรดิชหั่นฝอย จุ่มแป้งเปาะเปี๊ยะเวียดนามในน้ำนานประมาณ 5-10 วินาที วางบนผ้าชุบน้ำเปียกหมาดๆ วางเนื้อกุ้งตรงกลาง ใส่ถั่ว Yellow Peas หอมแขก แครอตขูด ใบโหระพา ใบสะระแหน่ และผักกาดหอม ห่อให้แน่นและสวยงาม หั่นเปาะเปี๊ยะเป็นคำ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม

  อะโวคาโดเนื้อนุ่มมันบดรวมกับถั่วแระญี่ปุ่นทำให้สเปรดมีเนื้อสัมผัส เมื่อโรยไข่ปลาแซลมอนรสเค็มยิ่งชวนให้น่ากินยิ่งขึ้น   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) ขนมปังคันทรีเบรด 2-3 แผ่น ครีมชีสสเปรด อะโวคาโดบด 1 ผล ถั่วแระญี่ปุ่นสับหยาบ 1/3 ถ้วย ไข่ปลาแซลมอนตามชอบ ผักชีลาว แรดิชสไลซ์ น้ำเลมอน เกลือ และพริกไทย              วิธีทำ ปิ้งขนมปังคันทรีเบรด ทาครีมชีสสเปรดให้ทั่วแผ่น ผสมอะโวคาโดบดกับถั่วแระญี่ปุ่นให้เข้ากัน ใส่น้ำเลมอน เกลือ และพริกไทย ตักทาบนขนมปัง    วางไข่ปลาแซลมอน ตกแต่งด้วยผักชีลาวและแรดิชสไลซ์ให้สวยงาม

  ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนเมนูสุขภาพที่หลายคนชอบกิน เพราะมีทั้งผักและปลา เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสจัดจ้านที่ทำจากซอสปลากระป๋อง   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) ก๋วยเตี๋ยวชนิดแผ่น  2 แผ่น ปลาซาดีนในซอสมะเขือเทศ 1 กระป๋อง น้ำมะนาว 2 ช้อนชา พริกขี้หนูสับ 3 เม็ด หอมแดงสับ 2 หัว ตะไคร้สับ 1 ต้น ผักสลัด แครอตหั่นเส้น และใบโหระพา  วิธีทำ แยกเนื้อปลาซาดีนออกจากซอสมะเขือเทศ นำซอสมะเขือเทศทำเป็นน้ำยำโดยใส่น้ำมะนาว พริกขี้หนูสับ หอมแดงสับ และตะไคร้สับ คนให้เข้ากัน นำเส้นก๋วยเตี๋ยวแผ่นใหญ่วางบนจาน ใส่ผักสลัด แครอตหั่นเส้น ใบโหระพา และเนื้อปลาตามยาวครึ่งชิ้น ม้วนให้แน่น ตัดเป็นชิ้นหนา 1 นิ้ว จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำยำ