ดอกลาเวนเดอร์ (Lavender Flower) ไม้ดอกช่อสีม่วงสด เป็นพืชตระกูลมินต์ มาจากภาษาละติน “Lavre” แปลว่า “ชำระล้าง” เช่นเดียวกับสรรพคุณที่ช่วยขับของเสียในร่างกายและจิตใจ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย   ฉบับนี้ G&C มีเครื่องดื่มชาจากดอกลาเวนเดอร์แห้ง ผสมผสานกับชาเบลนด์ต่างๆ ให้ความหอมของกลิ่นอะโรมา ดื่มแล้วชุ่มชื่นหัวใจและผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี เช่น Iced Madame Butterfly & Lavender Tea ชาอัญชันผสมกับดอกลาเวนเดอร์ ชาสีม่วงสวยเห็นเป็นเลเยอร์ มีกลิ่นหอมสดชื่นจากน้ำลิ้นจี่และเลมอน รสหวานหอม อมเปรี้ยว   เหมาะแก่การหามุมดีๆ มานั่งจิบชากินขนมในวันสบายๆ   ชาอัญชันผสมดอกลาเวนเดอร์ ส่วนผสม ชา Madame Butterfly 2 ช้อนโต๊ะ ดอกอัญชันแห้ง 1/2 ช้อนโต๊ะ ดอกคาโมมายล์แห้ง 1 ช้อนโต๊ะ น้ำลิ้นจี่กระป๋อง 1/2 ถ้วย น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ น้ำแข็งก้อนเล็กสำหรับเสิร์ฟ เนื้อเลมอนและลิ้นจี่สำหรับตกแต่ง วิธีทำ ต้มชา Madame Butterfly กับดอกอัญชันแห้ง และดอกคาโมมายล์แห้งให้เดือดสักครู่ กรองออกแล้วพักไว้ให้เย็น ในแก้วผสมน้ำลิ้นจี่กับน้ำเชื่อม และน้ำเลมอนให้พอเข้ากัน เติมน้ำแข็งให้เต็มแก้ว ค่อยๆ รินชาที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยเนื้อลิ้นจี่ เนื้อเลมอน และดอกไม้กินได้ให้สวยงาม เสิร์ฟทันที

ดอกลาเวนเดอร์ (Lavender Flower) ไม้ดอกช่อสีม่วงสด เป็นพืชตระกูลมินต์ มาจากภาษาละติน “Lavre” แปลว่า “ชำระล้าง” เช่นเดียวกับสรรพคุณที่ช่วยขับของเสียในร่างกายและจิตใจ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย   ฉบับนี้ G&C มีเครื่องดื่มชาจากดอกลาเวนเดอร์แห้ง ผสมผสานกับชาเบลนด์ต่างๆ ให้ความหอมของกลิ่นอะโรมา ดื่มแล้วชุ่มชื่นหัวใจและผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี เช่น Chamomile & Lavender Tea Latte เมนูร้อน ชาคาโมมายล์และดอกลาเวนเดอร์ต้มกับนมจนหอม ท็อปด้วยฟองครีมนุ่มๆ รสครีมมี่   เหมาะแก่การหามุมดีๆ มานั่งจิบชากินขนมในวันสบายๆ   ส่วนผสม ชาคาโมมายล์ (Pure Chamomile) 1 ซอง ดอกลาเวนเดอร์แห้ง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ นมสดรสจืด หรือนมถั่วเหลือง 1 1/2 ถ้วย น้ำผึ้ง หรือเมเปิลไซรัป 2 ช้อนโต๊ะ วิปครีม ดอกลาเวนเดอร์แห้งสำหรับตกแต่ง วิธีทำ ต้มชาคาโมมายล์ ดอกลาเวนเดอร์ และนมด้วยไฟปานกลางให้พอเดือดเล็กน้อยแล้วกรองออก ใส่น้ำผึ้ง ชิมรสตามชอบ รินใส่แก้วเสิร์ฟ ท็อปด้วยวิปครีม โรยดอกลาเวนเดอร์แห้งให้สวยงาม

อาหารและเครื่องดื่มล้วนมีประวัติศาสตร์และที่มาในการคิดค้นรังสรรค์ เช่นเดียวกับค็อกเทลที่มีวัฒนธรรมการดื่มและเรื่องเล่าอันน่าสนใจ   ฉบับนี้ G&C ชวน คุณคมิก กุลขจรพันธุ์ ผู้ศึกษาค็อกเทลไทยและต่างประเทศ มาแนะนำค็อกเทลให้เราได้รู้จักและดื่มด่ำกับเรื่องราวในขณะดื่ม เมนูนี้เป็นเมนูที่ก้าวผ่านกาลเวลาของยุคที่คนไม่สนใจในรสชาติของค็อกเทล เน้นการขายและดื่มเร็ว จนถึงปี ค.ศ. 2007 ในยุค The Cocktails Renaissance คุณ Toby Maloney ได้นำเสนอเมนู Juliet & Romeo เน้นความพิถีพิถันโดยมีเหล้าจินที่มีความขมนิดๆ และความหอมสดชื่นของสมุนไพรและดอกไม้นานาพรรณ   คล้ายกับเดินอยู่ในสวนอังกฤษรับแสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้า ส่วนผสม (สำหรับ 1 แก้ว) เหล้าจิน (London Dry Gin) 60 มิลลิลิตร น้ำมะนาว 22.5 มิลลิลิตร น้ำเชื่อม 22.5 มิลลิลิตร แตงกวาหั่นแว่น 3 ชิ้น ใบมินต์ 8 ใบ เกลือเล็กน้อย น้ำแข็งสำหรับเขย่า สำหรับตกแต่ง ใบมินต์ | แตงกวาหั่นสไลซ์บาง | น้ำกุหลาบ 3 หยด | เหล้า Angostura Bitter 3 หยด    วิธีทำ ในกระบอกเชกใส่เหล้าจิน น้ำมะนาว น้ำเชื่อม แตงกวา ใบมินต์ และเกลือเล็กน้อย บดด้วย Muddler Cocktail ให้มีกลิ่นหอมเล็กน้อย ใส่น้ำแข็งแล้วเขย่าให้เครื่องดื่มเย็น รินใส่แก้วเย็น หยดน้ำกุหลาบ และเหล้า Angostura Bitter ตกแต่งด้วยใบมินต์และแตงกวาเสียบไม้ให้สวยงาม

อาหารและเครื่องดื่มล้วนมีประวัติศาสตร์และที่มาในการคิดค้นรังสรรค์ เช่นเดียวกับค็อกเทลที่มีวัฒนธรรมการดื่มและเรื่องเล่าอันน่าสนใจ   G&C ชวน คุณคมิก กุลขจรพันธุ์ ผู้ศึกษาค็อกเทลไทยและต่างประเทศ มาแนะนำค็อกเทลให้เราได้รู้จักและดื่มด่ำกับเรื่องราวในขณะดื่ม เมนูแรก Breakfast Martini เป็นเครื่องดื่ม Modern Classic Cocktail ที่มีชื่อเสียงในปี ค.ศ. 1996 โดยนักเขียนผู้เป็นที่ปรึกษาบาร์ คุณ Salvatore Calabrese อดีตประธานสมาคมบาร์เทนเดอร์ Bartenders Guild เกิดขึ้นขณะนั่งกินมื้อเช้ากับภรรยาที่กำลังเสิร์ฟขนมปังอบร้อนๆ คู่กับแยมส้ม (Marmalade) กลายเป็นค็อกเทลที่มีรสเปรี้ยวอ่อนๆ และหอมกลิ่นส้ม   กินคู่กับขนมปังปิ้ง จึงเป็นเสน่ห์ของเมนูนี้ ส่วนผสม (สำหรับ 1 แก้ว) แยมส้ม (Marmalade) 2 ช้อนชา เหล้าจิน (London Dry Gin) 50 มิลลิลิตร เหล้าหวานรสส้ม (Cointreau) 15 มิลลิลิตร น้ำเลมอน 15 มิลลิลิตร น้ำแข็งก้อนใหญ่สำหรับเขย่า แผ่นขนมปังปิ้งสำหรับตกแต่ง วิธีทำ ใส่แยมส้ม เหล้าจิน เหล้าหวานรสส้ม น้ำเลมอน และน้ำแข็งก้อนใหญ่ลงในกระบอกเชก เขย่าประมาณ 30 วินาทีจนเครื่องดื่มเย็น รินใส่แก้วเย็น ตกแต่งแก้วด้วยขนมปังแล้วเสิร์ฟทันที

วัฒนธรรมการ “ดื่ม” ของชาวญี่ปุ่นนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญและมีหลากหลายโอกาส ทั้งดื่มเพื่อสังสรรค์หรือจะดื่มเพื่อธุรกิจ ซึ่งมาพร้อมกับความสนุกสนานและได้มิตรภาพอันดี   ฉบับนี้มีเครื่องดื่มค็อกเทลให้ทำตามกันแบบง่ายๆ ได้แรงบันดาลใจจากอากาศอันสดชื่นท่ามกลางป่ามอส หรือ “Koke” มีกลิ่นอายความชื้นจากป่าไม้เขียวชอุ่ม เสียงน้ำในลำธารไหลผ่านซอกหินแต่ละชั้นยิ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลาย จนกลายมาเป็นเครื่องดื่มสุดคลาสสิกอย่างเมนู Ryo Yuzu Ginger ค็อกเทลรสเข้มได้กลิ่นขิงชัดเจนและหอมอ่อนๆ จากยุซุ ดื่มคู่กันกับขิงก้านอ่อนดองตัดรสชาติกันได้อย่างลงตัว   ป่ามอสที่เต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มและเงียบสงบ จะถูกเพิ่มสีสันด้วย ค็อกเทลสุดคลาสสิกแก้วนี้   ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่) สาเกยูซุ 1/3 ถ้วย เหล้าจิน 2 ช้อนโต๊ะ Suntory Whisky Toki 1 ช้อนโต๊ะ สปาร์กลิงยูซุ 1/4 ถ้วย      น้ำเชื่อม 1/2 ช้อนโต๊ะ ขิงสไลซ์ 4-5 ชิ้น น้ำแข็งสำหรับเขย่า น้ำแข็งก้อนสี่เหลี่ยมสำหรับเสิร์ฟ ขิงก้านอ่อนดองสำหรับตกแต่ง วิธีทำ บดขิงในแก้วเชกเล็กน้อย ใส่สาเกยูซุ เหล้าจิน ตามด้วย Suntory Whisky Toki ใส่น้ำแข็งสำหรับเขย่า และน้ำเชื่อม เขย่าจนเครื่องดื่มเย็น แล้วกรองออก รินใส่แก้วที่ใส่น้ำแข็งก้อนสี่เหลี่ยม ประมาณ​ 1/2 ของแก้ว แล้วเติมสปาร์กลิงยูซุให้เกือบเต็มแก้วตกแต่งด้วยขิงก้านอ่อนดอง เสิร์ฟทันที

วัฒนธรรมการ “ดื่ม” ของชาวญี่ปุ่นนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญและมีหลากหลายโอกาส ทั้งดื่มเพื่อสังสรรค์หรือจะดื่มเพื่อธุรกิจ ซึ่งมาพร้อมกับความสนุกสนานและได้มิตรภาพอันดี   ฉบับนี้มีเครื่องดื่มค็อกเทลให้ทำตามกันแบบง่ายๆ ได้แรงบันดาลใจจากอากาศอันสดชื่นท่ามกลางป่ามอส หรือ “Koke” มีกลิ่นอายความชื้นจากป่าไม้เขียวชอุ่ม เสียงน้ำในลำธารไหลผ่านซอกหินแต่ละชั้นยิ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลาย จนกลายมาเป็นเครื่องดื่มสุดคลาสสิกอย่างเมนู Grapefruit Sake Cocktail สดชื่นจากกลิ่นขิงและน้ำเกรปฟรุต ได้รสหวานหอมเบาๆ จากเหล้าสาเกเกรปฟรุตและจิน   ป่ามอสที่เต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มและเงียบสงบ จะถูกเพิ่มสีสันด้วย ค็อกเทลสุดคลาสสิกแก้วนี้   ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่) สาเกเกรปฟรุต 1/3  ถ้วย น้ำเกรปฟรุต 1/4 ถ้วย เหล้าจิน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเชื่อม 1 ช้อนโต๊ะ เนื้อเกรปฟรุต 3-4 กลีบ ขิงสไลซ์ 2 ชิ้น โซดา น้ำแข็งสำหรับเขย่า ผิวเกรปฟรุตสำหรับตกแต่ง วิธีทำ บดเนื้อเกรปฟรุต ขิง กับน้ำเชื่อมในแก้วเชกให้พอมีกลิ่นหอม ใส่สาเกเกรปฟรุต เหล้าจิน น้ำเกรปฟรุต และน้ำแข็ง เขย่าให้เครื่องดื่มเย็น กรองด้วยกระชอนตาห่าง ทาผิวเกรปฟรุตที่ขอบปากแก้ว รินเครื่องดื่มใส่แก้ว (เย็น) ประมาณ 3/4 ของแก้ว แล้วเติมโซดาเล็กน้อย ตกแต่งด้วยผิวเกรปฟรุต เสิร์ฟทันที

เปิดขวดซ่าเฉลิมฉลอง G&C ก้าวเข้าสู่ปีที่ 24 ด้วยเครื่องดื่มมีฟอง “Champagne” สัญลักษณ์แห่งความสนุกสนาน เปิดเมื่อไรความสนุกก็เริ่มขึ้นเมื่อนั้น   ฉบับนี้ทำเครื่องดื่มง่ายๆ ที่มีส่วนผสมหลักอย่างแชมเปญหรือชองปาญ ทำให้เครื่องดื่มซ่าสดชื่น เติมเต็มความสุขเมื่อได้ยกชนแก้วกัน ในเมนู Strawberry Mimosa Rosé Champagne เครื่องดื่มรสชาติสนุก หอมกลิ่นสตรอว์เบอร์รีและน้ำส้ม ท็อปด้วยแชมเปญโรเซ่เพื่อระเบิดความซ่าและสนุกสนานอยู่ในปาก   ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ยกแก้วนี้ขึ้นเมื่อไรก็สนุกเมื่อนั้น   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เนื้อสตรอว์เบอร์รีสด 3-4 ผล น้ำเชื่อมกุหลาบ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้ม 3 ช้อนโต๊ะ น้ำแข็งสำหรับเขย่าเล็กน้อย แชมเปญโรเซ่ สตรอว์เบอร์รีสดสำหรับตกแต่ง วิธีทำ ในแก้วเชกใส่เนื้อสตรอว์เบอร์รีสด จากนั้นบดให้เนื้อพอหยาบ ใส่น้ำเชื่อม น้ำมะนาว น้ำส้ม และน้ำแข็ง ปิดฝา เขย่าเครื่องดื่มประมาณ 2 นาทีจนเครื่องดื่มเย็น รินใส่แก้วที่แช่เย็นจัดผ่านกระชอนประมาณครึ่งแก้ว เติมแชมเปญจนเต็มแก้ว ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รีสดให้สวยงาม เสิร์ฟทันที

เปิดขวดซ่าเฉลิมฉลอง G&C ก้าวเข้าสู่ปีที่ 24 ด้วยเครื่องดื่มมีฟอง “Champagne” สัญลักษณ์แห่งความสนุกสนาน เปิดเมื่อไรความสนุกก็เริ่มขึ้นเมื่อนั้น   ฉบับนี้ทำเครื่องดื่มง่ายๆ ที่มีส่วนผสมหลักอย่างแชมเปญหรือชองปาญ ทำให้เครื่องดื่มซ่าสดชื่น เติมเต็มความสุขเมื่อได้ยกชนแก้วกัน ในเมนู Airmail Champagne Cocktail เมนูคลาสสิกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1900 ได้กลิ่นหอมของเหล้ารัม น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว เพิ่มความซ่าด้วยแชมเปญชาร์ดอนเนย์ ตกแต่งด้วยสายไหมและเชอร์รีทองคำดูหรูหรา   ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ยกแก้วนี้ขึ้นเมื่อไรก็สนุกเมื่อนั้น   ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่) น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ ใบมินต์ 2-3 ใบ เหล้ารัม 2 ช้อนโต๊ะ แชมเปญชาร์ดอนเนย์ น้ำแข็งสำหรับเขย่าเล็กน้อย เชอร์รีและสายไหมสำหรับตกแต่ง วิธีทำ ผสมน้ำผึ้ง น้ำเลมอน ใบมินต์ เหล้ารัม และน้ำแข็งลงในแก้วเชก เขย่าจนเครื่องดื่มเย็น รินใส่แก้วผ่านกระชอนประมาณครึ่งแก้ว ท็อปด้วยแชมเปญให้เต็มแก้ว ตกแต่งปากแก้วด้วยสายไหมและเชอร์รีทองคำให้สวยงาม

หลายคนหันมาสนใจในเรื่องของสุขภาพพร้อมกับมีเคล็ดลับในการลดน้ำหนักในสไตล์ของตัวเอง โดยเฉพาะกระแสอันโด่งดังของเทรนเนอร์ชาวต่างชาติที่ว่ากาเฟอีนช่วยเพิ่มการเผาผลาญของร่างกาย (Diet Induced Thermogenesis : DIT) เมื่อดื่มกาเฟอีนในปริมาณที่พอเหมาะ   ฉบับนี้ G&C ทำเครื่องดื่มเย็น ช่วยให้ผ่อนคลายและลดไขมันควบคู่ไปด้วยกันอย่าง Coconut Espresso Cold Brew เมล็ดกาแฟจากเชียงรายนำมาสกัดเย็น (Cold Brew) ผสมกับน้ำมะพร้าวน้ำหอมให้รสหวานนิดๆ จากธรรมชาติ หอมสดชื่น เหมาะกับอากาศในช่วงนี้   เมนูนี้จะช่วยกระตุ้นและเพิ่มการเผาผลาญได้ไปตลอดทั้งวัน   ส่วนผสม (สำหรับ 2-4 ที่)   น้ำเปล่า 1 ลิตร ผงกาแฟอะราบิกาบดจากเชียงราย 10 ช้อนโต๊ะ น้ำมะพร้าวอ่อน 1 ถ้วย เนื้อมะพร้าวอ่อน 1/3 ถ้วย น้ำแข็งสำหรับเสิร์ฟเล็กน้อย วิธีทำ ผสมผงกาแฟบดหยาบกับน้ำเปล่าลงในขวดที่มีฝาปิด แช่ในตู้เย็นไว้นาน 1 คืน กรองด้วยกระดาษสำหรับกรองกากกาแฟ เทใส่ขวดเตรียมไว้ ในแก้วเสิร์ฟใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนและน้ำแข็ง ใส่น้ำมะพร้าวประมาณ 3/4 ของแก้ว เทกาแฟให้เป็นอีกชั้น เสิร์ฟทันที

หลายคนหันมาสนใจในเรื่องของสุขภาพพร้อมกับมีเคล็ดลับในการลดน้ำหนักในสไตล์ของตัวเอง โดยเฉพาะกระแสอันโด่งดังของเทรนเนอร์ชาวต่างชาติที่ว่ากาเฟอีนช่วยเพิ่มการเผาผลาญของร่างกาย (Diet Induced Thermogenesis : DIT) เมื่อดื่มกาเฟอีนในปริมาณที่พอเหมาะ   ฉบับนี้ G&C ทำเครื่องดื่มร้อน ช่วยให้ผ่อนคลายและลดไขมันควบคู่ไปด้วยกันอย่าง Hot Avocado Matcha Green Tea เครื่องดื่มอุ่นๆ รสเข้มข้น ได้ไขมันดีจากอะโวคาโดและกาเฟอีน เหมาะกับอากาศในช่วงนี้   เมนูนี้จะช่วยกระตุ้นและเพิ่มการเผาผลาญได้ไปตลอดทั้งวัน   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) นมอัลมอนด์ 3 ถ้วย อะโวคาโดหั่นเต๋า 1 ผล ผงชาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ ผงชาเขียวสำหรับตกแต่งหน้าเล็กน้อย วิธีทำ ต้มนมอัลมอนด์กับผงชาเขียว และอะโวคาโดให้พออุ่น ปิดไฟ เทใส่เครื่องปั่น ปั่นจนเนื้อเนียนละเอียด เทใส่แก้ว ตกแต่งด้วยผงชาเขียวให้สวยงาม

ช่วงเวลายามเย็นเป็นเวลาที่เหมาะแก่การออกไปแฮงก์เอาต์กับเพื่อนๆ ดื่มด่ำบรรยากาศและฟังเพลงเพลินๆ ในยามค่ำคืน จิบเครื่องดื่มที่ร้าน Bar Us BKK บาร์ที่ได้แรงบันดาลใจโดยนำวัตถุดิบสำหรับทำอาหารมาทำเป็นเครื่องดื่มในแนว Savory Drinks เช่น น้ำปลา สามเกลอ และสมุนไพรอื่นๆ รังสรรค์ออกมาได้อย่างสนุกสนาน   ฉบับนี้เรามีสูตรเครื่องดื่มจิบเพลินทำตามได้ง่ายๆ จาก คุณอั้ม-วีรัช แสวงทรัพย์ เจ้าของร้านและ คุณเบียร์-พงศกร อัครบัณฑิตสกุล บาร์เทนเดอร์ผู้ร่วมคิดค้นสูตร นำเสนอเป็นเมนูม็อกเทล Coconut Milk + Yogurt + Cucumber เครื่องดื่มผสมกะทิ รสชาติเปรี้ยวนวลๆ จากโยเกิร์ต กลิ่นหอมเบาๆ จากไซรัปแตงกวา ท็อปด้วยใบมะกรูดเพิ่มความซิตรัสให้รู้สึกสดชื่นยิ่งขึ้น   ใครที่ชอบดื่มและอยากได้ความสนุกสนานจากดริงก์ที่ได้แรงบันดาลใจจากเมนูอาหารต้องไม่พลาด!   ส่วนผสม (สำหรับ 1 แก้ว) กะทิ 30 มิลลิลิตร โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 30 มิลลิลิตร น้ำเชื่อมแตงกวา 15 มิลลิลิตร น้ำมะนาว 20 มิลลิลิตร ไข่ขาว 20 มิลลิลิตร น้ำโทนิกสำหรับรินบนหน้าเล็กน้อย น้ำแข็งสำหรับเขย่าเล็กน้อย วิธีทำ ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันในแก้วเชค เขย่าให้ส่วนผสมเข้ากัน และให้เครื่องดื่มเย็น กรองผ่านกระชอนแล้วเทใส่แก้ว ท็อปด้วยน้ำโทนิกให้เต็มแก้ว วางใบมะกรูด เสิร์ฟทันที ขอขอบคุณ คุณเบียร์-พงศกร อัครบัณฑิตสกุล ร้าน Bar Us BKK ซอยสุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โทร. 08-9500-1656

ช่วงเวลายามเย็นเป็นเวลาที่เหมาะแก่การออกไปแฮงก์เอาต์กับเพื่อนๆ ดื่มด่ำบรรยากาศและฟังเพลงเพลินๆ ในยามค่ำคืน จิบเครื่องดื่มที่ร้าน Bar Us BKK บาร์ที่ได้แรงบันดาลใจโดยนำวัตถุดิบสำหรับทำอาหารมาทำเป็นเครื่องดื่มในแนว Savory Drinks เช่น น้ำปลา สามเกลอ และสมุนไพรอื่นๆ รังสรรค์ออกมาได้อย่างสนุกสนาน   ฉบับนี้เรามีสูตรเครื่องดื่มจิบเพลินทำตามได้ง่ายๆ จาก คุณอั้ม-วีรัช แสวงทรัพย์ เจ้าของร้านและ คุณเบียร์-พงศกร อัครบัณฑิตสกุล บาร์เทนเดอร์ผู้ร่วมคิดค้นสูตร นำเสนอเป็นเมนูค็อกเทลอย่าง Chili + Coffee + Pistachio เครื่องดื่มเผ็ดร้อนจากพริกสด ได้รสขมและหอมอ่อนๆ จากเหล้ากาแฟ ให้ความรู้สึกเหมือนไปเยือนภาคใต้   ใครที่ชอบดื่มและอยากได้ความสนุกสนานจากดริงก์ที่ได้แรงบันดาลใจจากเมนูอาหารต้องไม่พลาด!   ส่วนผสม (สำหรับ 1 แก้ว) ปิสโก (Pisco) 20 มิลลิลิตร น้ำสับปะรด 30 มิลลิลิตร เหล้ากาแฟ (Coffee Liqueur) 30 มิลลิลิตร น้ำเชื่อมถั่วพิสตาชิโอ 10 มิลลิลิตร น้ำมะนาว 15 มิลลิลิตร พริกขี้หนูสดหั่น 3 ชิ้น น้ำแข็งสำหรับเขย่าเล็กน้อย วิธีทำ ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันในแก้วเชค เขย่าให้ส่วนผสมเข้ากัน กรองผ่านกระชอน แล้วเทใส่แก้วที่ตกแต่งด้วยพริกขี้หนูสด เสิร์ฟทันที

เข้าเดือนพฤษภาคมอากาศยังร้อนพร้อมกับแสงแดดที่ดูเหมือนจะแผดเผา คงต้องหาเครื่องดื่มเย็นๆมาดับร้อนกันสักหน่อย เราเลยนำไอเดียจาก “สตรีทฟู้ด” ที่ไม่ว่าจะเดินเข้าออกปากซอยไหนๆ ก็คงต้องพุ่งตัวเข้าหาซุ้มเครื่องดื่มหรือรถเข็นที่มีคุณลุงคุณป้ามาเปิดขายตามข้างทาง   เมนูฉบับนี้เป็นค็อกเทลที่มีแอลกอฮอล์ When I was Young นมชมพูหรือหวานเย็นในวัยเด็กนำมาผสมกับวอดก้า ได้ความหอมของนมข้นและน้ำหวานสีแดง สีวิบวับจากผงกลิตเตอร์ดูสวยงาม   เป็นแก้วชงจิบเพลินๆ แพริงกับสตรีทฟู้ดได้เป็นอย่างดี   ส่วนผสม (สำหรับ 1 แก้ว) น้ำเชื่อม (สีแดง) 2 ช้อนโต๊ะ วอดก้า 1 ช้อนโต๊ะ น้ำโซดา 1/2 ถ้วย วิปปิงครีม 1/2 ถ้วย นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ น้ำแข็งก้อนกลมใหญ่ 1 ก้อน ผงกลิตเตอร์สำหรับทำอาหารเล็กน้อย ดอกไม้กินได้สำหรับตกแต่ง วิธีทำ ตีผสมวิปปิงครีมกับนมข้นหวานให้ขึ้นฟูเล็กน้อย นำเข้าพักไว้ในตู้เย็น ผสมน้ำเชื่อม วอดก้า โซดา ผงกลิตเตอร์ และน้ำแข็ง คนให้เข้ากันแล้วกรองออก เทใส่แก้ว ท็อปด้วยวิปครีมนมข้น ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้และกลิตเตอร์ให้สวยงาม

กระแสมาแรงจนหยุดไม่อยู่สำหรับ น้ำลำไยที่ท็อปมาด้วยเนื้อลำไยล้นแก้ว เราขอแจกสูตรง่ายๆ ที่สามารถทำกินเองได้ที่บ้าน ไม่ต้องไปรอต่อคิวแล้ว   ส่วนผสม ลำไยสด 1 กิโลกรัม น้ำตาลทรายแดง 1 1/4 ถ้วย น้ำตาลทรายขาว 1/2 ถ้วย ใบเตยมัดรวมกัน 4-5 ใบ น้ำเปล่าสะอาด 3 ถ้วย      วิธีทำ ปอกเปลือกลำไย คว้านเม็ดออก เตรียมไว้ ต้มน้ำ น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว และใบเตยให้เดือด น้ำตาลละลายหมด และหอมใบเตย ตักใบเตยออก ใส่เนื้อลำไย ต้มต่อสักครู่ พักไว้ ใส่น้ำแข็งลงในแก้ว ตักน้ำลำไยสดใส่ให้เต็ม จัดเสิร์ฟ

เข้าเดือนพฤษภาคมอากาศยังร้อนพร้อมกับแสงแดดที่ดูเหมือนจะแผดเผา คงต้องหาเครื่องดื่มเย็นๆมาดับร้อนกันสักหน่อย เราเลยนำไอเดียจาก “สตรีทฟู้ด” ที่ไม่ว่าจะเดินเข้าออกปากซอยไหนๆ ก็คงต้องพุ่งตัวเข้าหาซุ้มเครื่องดื่มหรือรถเข็นที่มีคุณลุงคุณป้ามาเปิดขายตามข้างทาง   เมนูฉบับนี้เป็นค็อกเทลที่มีแอลกอฮอล์ Longan & Plum เหล้าบ๊วยผสมน้ำลำไย นำเหล้าบ๊วยที่ดองเก็บไว้ข้ามปีมาชงกับน้ำลำไยทั้งหวานและหอม    เป็นแก้วชงจิบเพลินๆ แพริงกับสตรีทฟู้ดได้เป็นอย่างดี   ส่วนผสม (สำหรับ 1 แก้ว) เหล้าบ๊วย 1/3 ถ้วย น้ำเปล่า 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เนื้อลำไย (ไม่เอาเม็ด) 15 ผล น้ำแข็งก้อนกลมใหญ่สำหรับเสิร์ฟ วิธีทำ ใส่น้ำเปล่าและน้ำตาลทรายลงในหม้อ ต้มให้พอเดือด ปิดไฟ พักไว้ให้พออุ่น ใส่เนื้อลำไย แช่ไว้ประมาณ 10-15 นาที ผสมเหล้าบ๊วยและน้ำลำไย คนให้เข้ากัน เตรียมไว้ ในแก้วใส่น้ำแข็ง เหล้าบ๊วยที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยเนื้อบ๊วยและเนื้อลิ้นจี่เสียบไม้

ต้อนรับเดือนเมษายนในช่วงอากาศร้อนเช่นนี้ คงต้องหาเครื่องดื่มเย็นๆ มากระตุ้นร่างกายให้กระชุ่มกระชวยกันสักหน่อย G&C ชวนมาทำ สปาร์กลิงพีชเสาวรส รสเปรี้ยวซ่าที่ให้ความหอมและสดชื่นจากเนื้อเสาวรส ท็อปด้วยเจลลีชามะลิเนื้อหนึบเคี้ยวเพลิน   ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่) สปาร์กลิงกลิ่นพีช 1 กระป๋อง เนื้อเสาวรส 1 ผล น้ำแข็งสำหรับเสิร์ฟ ส่วนผสมเจลลีชามะลิ น้ำชามะลิ 2 ถ้วย เจลาติน 2 แผ่น น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย วิธีทำเจลลีชามะลิ ต้มส่วนผสมเจลลีชามะลิด้วยไฟปานกลาง คนให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์ นำไปแช่ตู้เย็นให้เซ็ตตัวแล้วตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม ใส่เนื้อเสาวรสและน้ำแข็งในแก้ว ใส่สปาร์กลิงกลิ่นพีชให้ได้ 3/4 ของแก้ว ท็อปด้วยเจลลีชามะลิให้สวยงาม

ต้อนรับเดือนเมษายนในช่วงอากาศร้อนเช่นนี้ คงต้องหาเครื่องดื่มเย็นๆ มากระตุ้นร่างกายให้กระชุ่มกระชวยกันสักหน่อย G&C ชวนมาทำเครื่องดื่มเมนูนี้ ซัมเมอร์แมงโก ที่ได้แรงบันดาลใจจาก “ข้าวเหนียวมะม่วง” ซึ่งใช้น้ำมะพร้าวปั่นกับน้ำกะทิหอมมัน ท็อปด้วยซอร์เบต์มะม่วงปั่นและเนื้อมะม่วง   ส่วนผสมสมูทตีกะทิ (สำหรับ 2 ที่) น้ำกะทิ 1/2 ถ้วย น้ำมะพร้าว 1 ถ้วย นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ น้ำแข็ง 2 ถ้วย ส่วนผสมสมูทตีมะม่วง ไอศกรีมซอร์เบต์มะม่วง 2 สกูป เนื้อมะม่วง 1/3 ถ้วย เนื้อมะม่วงสุกหั่นเต๋า 1/2 ถ้วย เกล็ดมะพร้าวสำหรับตกแต่งเล็กน้อย วิธีทำ ปั่นส่วนผสมสมูทตีกะทิเข้าด้วยกันจนเนื้อเนียนละเอียด ใส่แก้วเสิร์ฟ แช่ตู้เย็นไว้ ทำสมูทตีมะม่วงโดยปั่นไอศกรีมซอร์เบต์มะม่วงกับเนื้อมะม่วงให้เข้ากัน จากนั้นนำไปใส่ลงในแก้วสมูทตีกะทิให้เป็นอีกชั้น ท็อปด้วยเนื้อมะม่วงหั่นเต๋าและเกล็ดมะพร้าว เสิร์ฟทันที

เข้าสู่ฤดูร้อนแบบเต็มตัว ชวนทำเมนูเครื่องดื่มจากบ๊วยไร้แอลกอฮอล์ ที่จะทำให้ร้อนนี้สดชื่นกว่าที่เคย   ส่วนผสม บ๊วยสด 700 กรัม น้ำตาลกรวด 700 กรัม อุปกรณ์ ขวดแก้วพร้อมฝาขนาด 1.5 ลิตร 1 ใบ ผ้าสีเข้มๆ สำหรับใช้ห่อขวด วิธีทำ ล้างบ๊วยสดให้สะอาด เอาขั้วสีดำออก พักให้สะเด็ดน้ำ ล้างขวดแก้วให้สะอาด ลวกน้ำร้อน พักไว้ เรียงบ๊วยสดลงในขวดแก้วสลับกับน้ำตาลกรวดจนเต็มขวด ห่อด้วยผ้าสีเข้ม หรือวางในที่มืด ดองไว้ 5-8 เดือน เมื่อได้น้ำเชื่อมบ๊วยแล้ว นำมาชงใส่โซดา น้ำมะนาว และเกลือนิดหน่อย ใส่น้ำแข็ง จัดเสิร์ฟ

โบกมือลาอากาศหนาวไปได้ไม่นาน ความอบอุ่นในช่วงเดือนมีนาคมก็เข้ามาเยือน จึงต้องหาอะไรดื่มเพื่อเติมความสดชื่นในช่วงอากาศร้อนเช่นนี้   ฉบับนี้ชวนผู้อ่านมาทำเครื่องดื่มที่ทั้งสดชื่นและดีต่อสุขภาพจาก “นมข้าวโอ๊ต” นมจากธัญพืชที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด พร้อมสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินต่างๆ ทำเป็นเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็น เช่น นมข้าวโอ๊ตมัตฉะลาเต้ เมนูชาเขียวร้อนทำได้ง่ายๆ ลองแล้วรู้สึกผ่อนคลาย อีกเมนูที่จะมาเพิ่มความเฟรชในระหว่างวันคือ สมูทตีแบล็กเบอร์รีนมข้าวโอ๊ต ดื่มแล้วไม่ต้องกังวล เพราะทั้ง 2 แก้วนี้ใช้น้ำตาลสูตรไม่มีแคลอรี   ดื่มแล้วเฮลท์ตี้ ไม่ต้องกังวลแคลอรี ลองแล้วดีต่อใจ   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) แบล็กเบอร์รีสด 1 ถ้วย ข้าวโอ๊ตอบชนิดละเอียด 1/3 ถ้วย นมข้าวโอ๊ตอุ่น 2 1/2 ถ้วย น้ำแข็ง 2 ถ้วย น้ำตาลไม่มีแคลอรี (Zero Calories) 1 ซอง น้ำเลมอนเล็กน้อย แบล็กเบอร์รีสดและใบมินต์สำหรับตกแต่ง วิธีทำ แช่ข้าวโอ๊ตลงในนมข้าวโอ๊ตอุ่นประมาณ 10-15 นาที ให้พอนิ่ม ใส่ข้าวโอ๊ตที่แช่ไว้ลงในโถปั่น ใส่น้ำแข็ง น้ำตาล และแบล็กเบอร์รี ปั่นผสมให้เข้ากันจนเนื้อเนียนละเอียด บีบน้ำเลมอนใส่เล็กน้อย ชิมรส เทใส่แก้วเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยแบล็กเบอร์รีและใบมินต์ให้สวยงาม

โบกมือลาอากาศหนาวไปได้ไม่นาน ความอบอุ่นในช่วงเดือนมีนาคมก็เข้ามาเยือน จึงต้องหาอะไรดื่มเพื่อเติมความสดชื่นในช่วงอากาศร้อนเช่นนี้   ฉบับนี้ชวนผู้อ่านมาทำเครื่องดื่มที่ทั้งสดชื่นและดีต่อสุขภาพจาก “นมข้าวโอ๊ต” นมจากธัญพืชที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด พร้อมสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินต่างๆ ทำเป็นเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็น เช่น นมข้าวโอ๊ตมัตฉะลาเต้ เมนูชาเขียวร้อนทำได้ง่ายๆ ลองแล้วรู้สึกผ่อนคลาย อีกเมนูที่จะมาเพิ่มความเฟรชในระหว่างวันคือสมูทตีแบล็กเบอร์รีนมข้าวโอ๊ตดื่มแล้วไม่ต้องกังวล เพราะทั้ง 2 แก้วนี้ใช้น้ำตาลสูตรไม่มีแคลอรี   ดื่มแล้วเฮลท์ตี้ ไม่ต้องกังวลแคลอรี ลองแล้วดีต่อใจ   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) นมข้าวโอ๊ต 2 ถ้วย น้ำตาลสูตรไม่มีแคลอรี (Zero Calories) 2 ซอง วิปครีม 1 ถ้วย ผงชาเขียวมัตฉะ 2 ช้อนโต๊ะ ผงชาเขียวมัตฉะสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย   วิธีทำ ตั้งหม้อใบเล็กใส่นมข้าวโอ๊ตและน้ำตาล ต้มให้พอเดือด ใส่ผงชาเขียว คนผสมให้เข้ากัน รินใส่แก้วเสิร์ฟประมาณ 3/4 ของแก้ว เติมวิปครีมให้เต็มแก้ว ตกแต่งด้วยผงชาเขียวให้สวยงาม