ส่วนผสมครีมมาสคาร์โปเน (สำหรับ 3-4 ที่)     เฮฟวีครีม 1 ถ้วย ไข่แดง 5 ฟอง น้ำตาลทราย 1 ถ้วย ชีสมาสคาร์โปเน 2 ถ้วย กลิ่นวานิลลา 1/2  ช้อนชา วิธีทำ ตีเฮฟวีครีมให้พอขึ้นฟู เตรียมไว้ จากนั้นตีไข่แดงกับน้ำตาลทรายให้ฟูจนเป็นสีเหลืองอ่อน และน้ำตาลละลายเข้ากันดี ใส่ชีสมาสคาร์โปเน กลิ่นวานิลลา และเฮฟวีครีมที่เตรียมไว้ คนผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเนียน ตักใส่ถุงบีบ พักไว้ในตู้เย็น ส่วนผสมมัตฉะทีรามิสุ เลดี้ฟิงเกอร์ 5-10 ชิ้น น้ำเปล่า 1 ถ้วย ผงมัตฉะ 3 ช้อนโต๊ะ เหล้ารัมหรือคอนญัก 1/3 ถ้วย วิธีทำ ผสมน้ำเปล่ากับผงมัตฉะและเหล้ารัมหรือคอนญักให้เข้ากันในถาดก้นลึก นำเลดี้ฟิงเกอร์ลงแช่สักครู่จนนิ่มและอิ่มน้ำ ใส่ถ้วยสำหรับเสิร์ฟไว้ บีบครีมมาสคาร์โปเนใส่เล็กน้อย เรียงเลดี้ฟิงเกอร์ให้เป็นอีกชั้น บีบครีมจนเต็มถ้วย โรยผงมัตฉะและตกแต่งให้สวยงาม

ปิดท้ายด้วยพุดดิงอัลมอนด์ หรือเต้าหู้อัลมอนด์ เนื้อเด้งดึ๋ง หวานเบาๆ เสิร์ฟคู่กับนมอัลมอนด์ผสมมักกอลลีและเหล้าบ๊วย รสหวานอมเปรี้ยว ให้จานนี้สดชื่นอย่างสมบูรณ์แบบด้วยสตรอว์เบอร์รีและสาลี่น้ำผึ้ง   ส่วนผสมพุดดิง (สำหรับ 3-4 ที่) นมอัลมอนด์ 400 กรัม น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย เจลาติน (แช่ในน้ำเย็น) 1 1/2 แผ่น กลิ่นกุหลาบ 1/2 ช้อนชา วิธีทำ ต้มนมอัลมอนด์กับน้ำตาลทรายให้พออุ่น ใส่เจลาติน (บีบน้ำออก) และกลิ่นกุหลาบ ต้มต่อสักครู่ให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน ตักใส่พิมพ์ซิลิโคนครึ่งวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว นำไปแช่ตู้เย็นนาน 1-2 ชั่วโมงจนพุดดิงเซ็ตตัว ส่วนผสมและวิธีทำนมอัลมอนด์ นมอัลมอนด์ 1/2 ถ้วย | มักกอลลี 1/2 ถ้วย | เหล้าบ๊วย 1/4 ถ้วย ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ชิมรส นำไปแช่ตู้เย็น เตรียมไว้ ส่วนผสมสำหรับแช่ผลไม้ น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย | น้ำเปล่า 1 ถ้วย | สาเก 1/4 ถ้วย | เหล้ากุหลาบ 2 ช้อนโต๊ะ | สตรอว์เบอร์รีสด 5-6 ผล | สาลี่ 1/2 ผล   วิธีทำ ต้มน้ำเปล่าและน้ำตาลทรายให้ละลายหมด พักไว้ให้เย็น ใส่สาเกและเหล้ากุหลาบ นำไปแช่ในตู้เย็น เตรียมไว้ เตรียมผลไม้โดยสไลซ์สาลี่ให้เป็นแผ่นบาง กดด้วยพิมพ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร แช่ลงในน้ำที่เตรียมไว้ หั่นสตรอว์เบอร์รีตามขวางให้บางประมาณ 2 มิลลิเมตร แช่ในน้ำที่เตรียมไว้ วิธีจัดจาน วางอัลมอนด์พุดดิงลงกลางจาน เรียงเนื้อสตรอว์เบอร์รีและสาลี่สลับกัน ค่อยๆ ราดนมอัลมอนด์ที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้และแผ่นทองให้สวยงาม ราดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามชอบ เสิร์ฟทันที

ส่วนผสม (สำหรับ 8 ชิ้น) แป้งเค้ก 1/2 ถ้วย ผงมัตฉะ 2 ช้อนโต๊ะ ผงฟู 1/2 ช้อนชา เกลือทะเล 1/4 ช้อนชา ไข่แดง 6 ฟอง น้ำตาลทราย (1) 1 ถ้วย น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันคาโนล่า 1/3 ถ้วย ไข่ขาว 6 ฟอง น้ำตาลทราย (2) 1/2 ถ้วย กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา วิปครีมสำหรับตกแต่งประมาณ 1 ถ้วย เกาลัดเชื่อมสำหรับตกแต่ง 7-8 ผล น้ำตาลไอซิงสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย วิธีทำ ร่อนแป้งเค้ก ผงมัตฉะ ผงฟู และเกลือ เตรียมไว้ ในอ่างผสมตีผสมไข่แดง น้ำตาลทราย (1) น้ำเปล่า และน้ำผึ้งให้ขึ้นฟูตั้งยอดอ่อน ใส่แป้งที่ร่อนไว้ คนเบาๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน แบ่งแป้งออกมาเล็กน้อย คนผสมกับน้ำมันคาโนล่าให้พอเข้ากัน เทกลับลงในอ่างผสมแล้วคนต่อสักครู่จนเนื้อเนียน ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทราย (2) จนตั้งยอดปานกลาง ใส่ในส่วนผสมแป้งแล้วตะล่อมให้พอเข้ากัน ใส่กลิ่นวานิลลา คนต่อเล็กน้อย ตักใส่พิมพ์ซิลิโคน นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 15-18 นาทีจนเค้กสุก นำออกจากพิมพ์ วางพักบนตะแกรงให้เย็น ส่วนผสมและวิธีทำครีมถั่วขาวมัตฉะ เนื้อถั่วขาวกวน 350 กรัม | เนยจืดละลาย 26 กรัม | วิปปิงครีม 1/3 ถ้วย | ผงมัตฉะ 4 ช้อนโต๊ะ ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วกรองผ่านกระชอนจนได้เนื้อเนียน ตักใส่ถุงบีบพร้อมหัวบีบแบบเส้น เตรียมไว้ ตกแต่งเค้กโดยวางเค้กบนแท่นหมุน บีบวิปครีมให้รอบ วางเกาลัด บีบครีมลงบนหน้าอีกเล็กน้อยแล้วปาดให้เป็นทรงสูง บีบครีมถั่วขาวมัตฉะให้ทั่ว นำไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจัดเสิร์ฟโรยหน้าด้วยน้ำตาลไอซิง

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ปอนด์) ไวต์ช็อกโกแลต 120 กรัม เนยจืด 4 ช้อนโต๊ะ นมสดรสจืด 2 ช้อนโต๊ะ ผงมัตฉะ 3 ช้อนโต๊ะ ไข่แดง 3 ฟอง น้ำตาลทราย (1) 1/4 ถ้วย แป้งเค้ก 1/4 ถ้วย ไข่ขาว 3 ฟอง น้ำตาลทราย (2) 1/4 ถ้วย เกลือทะเลเล็กน้อย วิธีทำ อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นำพิมพ์ขนาด 6 นิ้ว ทาเนยรองด้วยกระดาษไขเตรียมไว้ ละลายไวต์ช็อกโกแลตบนหม้อน้ำอุ่น ใส่เนย นม และผงมัตฉะ คนให้ละลายเข้ากัน ยกออกจากเตา พักไว้ ตีไข่แดงกับน้ำตาลทราย (1) จนส่วนผสมเป็นสีอ่อนและขึ้นฟูเล็กน้อย ใส่ไวต์ช็อกโกแลตมัตฉะที่เตรียมไว้ ใช้พายยางคนให้พอเข้ากัน ร่อนแป้งเค้ก และใส่เกลือ คนต่อสักครู่ ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทราย (2) ให้ขึ้นฟูตั้งยอดปานกลาง นำไปผสมกับแป้งที่เตรียมไว้ ตะล่อมด้วยพายยางให้ส่วนผสมเข้ากัน เทใส่พิมพ์ นำเข้าเตาอบนาน 15 นาที จากนั้นลดอุณหภูมิเป็น ​160 องศาเซลเซียส อบต่อประมาณ 15-20 นาที เมื่อเค้กสุกพักให้เย็นหน้าเค้กจะยุบลง นำไปแช่ตู้เย็นประมาณ​ 3-4 ชั่วโมง ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยผงชาเขียว

ช็อกบอลที่มีกลิ่นหอมละมุนจากกล้วยหอม เนื้อนุ่มเบาคลุกกับมะพร้าวอบแห้งกินเพลินๆ   ส่วนผสม แครกเกอร์บด 2 1/4 ถ้วย กล้วยหอม 1 ผล ช็อกโกแลตเฮเซลนัต 1 1/2 ช้อนโต๊ะ มะพร้าวอบแห้ง 1/2 ถ้วย มะพร้าวอบแห้งสำหรับคลุก วิธีทำ บดกล้วยหอมให้ละเอียด ใส่แครกเกอร์บด ผสมให้เข้ากัน ใส่ช็อกโกแลตเฮเซลนัต ผสมให้ทั่ว ใส่มะพร้าวอบแห้ง คลุกให้เข้ากัน ปั้นส่วนผสมเป็นก้อนกลม คลุกกับมะพร้าวอบแห้ง จัดเสิร์ฟ

เปรียบเสมือนชีสเค้กแบบเร่งด่วน เพราะชีสเค้กชิ้นเล็กพอดีคำสองคำสูตรนี้ไม่ต้องอบ และใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที โดยตัวฐานเป็นบิสกิตเลดี้ฟิงเกอร์ เคลือบด้านบนด้วยไวต์ช็อกโกแลต มาพร้อมกับหน้าสตรอว์เบอร์รีชีสเค้กที่มีส่วนประกอบเพียงไม่กี่อย่าง ส่วนผสม บิสกิตเลดี้ฟิงเกอร์ 6 ชิ้น ไวต์ช็อกโกแลต 50 กรัม สตรอว์เบอร์รี 2 ผล น้ำตาลทราย 30 กรัม ครีมชีส 90 กรัม วิปปิงครีม 120 กรัม สตรอว์เบอร์รีฟรีซดราย 3 ผล ไวต์ช็อกโกแลตเพิร์ลสำหรับตกแต่ง วิธีทำ สับไวต์ช็อกโกแลตเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปละลายในไมโครเวฟ นำบิสกิตเลดี้ฟิงเกอร์ลงชุบในไวต์ช็อกโกแลตให้เคลือบบางๆ บนด้านหนึ่งของตัวบิสกิต พักให้เซ็ตตัว ใช้หลังส้อมกดสตรอว์เบอร์รีให้พอแหลก นำใส่หม้อพร้อมน้ำตาล เคี่ยวให้เป็นซอส กรอง และพักให้เย็น ตีครีมชีสให้พออ่อนตัว ใส่ซอสสตรอว์เบอร์รี ตามด้วยวิปปิงครีม ตีให้ตั้งยอดดี นำใส่ถุงบีบ บีบหน้าสตรอว์เบอร์รีชีสเค้กลงบนบิสกิต หั่นสตรอว์เบอร์รีฟรีซดรายเป็นชิ้นเล็กๆ ตกแต่งลงบนหน้าชีสเค้ก พร้อมด้วยไวต์ช็อกโกแลตเพิร์ล โรยด้วยสตรอว์เบอร์รีฟรีซดรายป่น

สูตรไดฟุกุที่ไม่ต้องเสียเวลากวนแป้ง สอดไส้วิปปิงครีมและผลไม้สด ทำง่ายอร่อยได้แบบประหยัดเวลา   ส่วนผสม แผ่นแป้งเวียดนามขนาด 6×6 นิ้ว 10 แผ่น วิปปิงครีม 1 ถ้วย น้ำตาลไอซิง 2 ช้อนโต๊ะ เนื้อมะม่วงสุกหั่นชิ้นใหญ่ สตรอว์เบอร์รีผลเล็ก แป้งข้าวเหนียวคั่วสุกทำนวล วิธีทำ เตรียมวิปครีมโดยตีวิปปิงครีมกับน้ำตาลไอซิงเข้าด้วยกันให้อยู่ตัว แช่เย็นพักไว้ นำแป้งเวียดนามแช่น้ำให้พอนิ่ม วางลงในพิมพ์ ใส่วิปครีม ใส่เนื้อมะม่วงหรือสตรอว์เบอร์รี แล้วใส่วิปครีมปิดให้มิด รวบแป้งเวียดนาม ตัดแป้งส่วนที่เหลือออก เรียงใส่ภาชนะ นำไปแช่ช่องแข็งพักไว้ นำไดฟุกุออกจากตู้เย็น โรยแป้งข้าวเหนียวคั่วสุก เสิร์ฟเย็นๆ

Sugar Work หรืองานน้ำตาลปั้น ผลงานแห่งการเฉลิมฉลองจากอาจารย์ผึ้ง-ณฐิณี จีระลักษณกุล โดดเด่นทั้งสีสัน ประดับประดาด้วยขวดแชมเปญ ริบบิ้น และลูกโป่งจากงานน้ำตาลปั้น ตอกย้ำถึงช่วงเวลาแห่งความสุขที่กำลังจะเริ่มขึ้น ส่วนผสม น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม น้ำเปล่า 400 มิลลิลิตร น้ำตาลกลูโคส 200 กรัม ผงกรดทาร์ทาริก (Tartaric Acid Powder) 0.7 กรัม สีผสมอาหารตามชอบ วิธีทำ ล้างหม้อให้สะอาดโดยนำเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำส้มสายชู 2-3 ช้อนโต๊ะ แล้วขัดให้ทั่วหม้อ เติมน้ำเปล่าจนเกือบเต็มหม้อ ต้มจนเดือด นำอุปกรณ์ที่ต้องการใช้ลงลวกในน้ำเดือดประมาณ 1 นาที ตักขึ้นแล้วล้างด้วยน้ำเปล่า ผสมน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าลงในหม้อ ต้มจนเดือดใสและน้ำตาลละลายหมด ใส่น้ำตาลกลูโคส ต้อให้เดือดอีกครั้งให้ได้อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ใส่ผงกรดทาร์ทาริกแล้วต้มต่อให้อุณหภูมิถึง 158 องศาเซลเซียส ปิดไฟ ยกลง เทน้ำเชื่อมลงบนแผ่นซิลิโคน รอจนขอบด้านข้างน้ำตาลเริ่มเซ็ตตัวจึงค่อยๆ พับด้านข้างเข้ามารวมให้เป็นก้อนเดียวกัน นวดต่อจนน้ำตาลเริ่มเย็นลง ค่อยๆ ยืดน้ำตาลออกเพื่อให้อากาศเข้าไปจนผิวของน้ำตาลเงางามเหมือนสีมุก ตัดเป็นก้อนเล็กๆ ผสมสีตามชอบสำหรับเตรียมพร้อมขึ้นรูป เช่น ลูกโป่ง ขวดแชมเปญ ดอกไม้

ทุเรียนยังไม่หมด วันนี้มาเพิ่มเมนูจากทุเรียนอีกเมนู ทำขนมญี่ปุ่นอย่าง “ไดฟุกุ” ที่ใช้เนื้อทุเรียนมาผสมกับวิปครีมสดใส่เป็นไส้ขนม และเพิ่มเนื้อทุเรียนชิ้นใหญ่ๆ กินได้เต็มๆ คำ   ส่วนผสม แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ นมสดรสจืด 3/4 ถ้วย น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย เนยสดรสเค็ม 50 กรัม แป้งข้าวเหนียวคั่วสำหรับทำนวล ส่วนผสมครีมทุเรียน เนื้อทุเรียนบดละเอียด 1/2 ถ้วย วิปปิงครีม 1 ถ้วย      เนื้อทุเรียนหั่นเป็นชิ้นพอคำ วิธีทำ เตรียมแป้งโดยผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวโพด น้ำตาลทราย และนมสด คนให้เป็นเนื้อเดียวกันและน้ำตาลละลายหมด กรองแป้ง 1 รอบ นำไปเข้าเตาไมโครเวฟ นาน 2 นาที ให้แป้งสุก    ใส่เนยสดขณะแป้งยังร้อน ค่อยๆ นวดจนแป้งเป็นเนื้อเนียน พักแป้งไว้จนเย็น ทำครีมทุเรียนโดยตีวิปปิงครีมให้ขึ้นฟูอยู่ตัว ใส่เนื้อทุเรียนบด ตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากัน แช่ตู้เย็นไว้ นำแป้งที่พักเย็นแล้วมาตัดแบ่งเป็นก้อนเล็ก คลึงเป็นก้อนกลม รีดแป้งแต่ละก้อนให้เป็นแผ่น โรยแป้งนวล ใส่ลงในถ้วยเล็ก บีบครีมทุเรียนใส่ ใส่เนื้อทุเรียน แล้วหุ้มแป้งให้มิด ตัดแป้งที่เหลือออก ใส่ภาชนะเตรียมไว้ก่อนเสิร์ฟ   

เมนูขนมพื้นบ้านที่วัากันว่าคล้ายกับโมจิ เนื้อแป้งบางๆ ตัดกับไส้ถั่วลิสงและงากรุบกรอบ กินเพลินมาก   ส่วนผสม แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย แป้งข้าวเหนียวคั่วสุก 1 ถ้วย ถั่วลิสงคั่วบด 3/4 ถ้วย                  งาขาวคั่ว 1/4 ถ้วย งาดำคั่ว 1/4 ถ้วย น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย วิธีทำ ต้มน้ำกับน้ำตาลทรายแดงให้ละลายเป็นน้ำเชื่อม พักไว้ ผสมงาขาว งาดำคั่ว และถั่วลิสง ใส่น้ำเชื่อม คลุกให้เข้ากัน พักไว้ ผสมแป้งข้าวเหนียวกับน้ำ นวดให้นุ่ม  ตั้งหม้อน้ำให้เดือด นำแป้งมาปั้นเป็นก้อนกลมแล้วแผ่ออกให้เป็นแผ่น ใส่ลงต้มให้สุกลอย ตักวางบนแป้งข้าวเหนียวคั่ว ตักไส้ถั่วและงาที่ทำไว้ใส่ตรงกลางแป้งต้ม รวบชายแป้งให้แน่น วางใส่จาน จัดเสิร์ฟ

ขนมโบราณหากินยาก ตัวข้าวเหนียวนุ่มหวานมันจากหัวกะทิ กินพร้อมเม็ดมะม่วงหิมพานต์กรุบกรอบ   ส่วนผสม ข้าวเหนียว 3 ถ้วย หัวกะทิ 1 1/2 ถ้วย น้ำตาลมะพร้าว 230 กรัม น้ำตาลทรายไม่ฟอก 1/2 ถ้วย เกลือป่น 1/2 ช้อนชา เม็ดมะม่วงหิมพานต์ผ่าซีกอบ 500 กรัม น้ำตาลแว่น 200 กรัม น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 1/3 ถ้วย   วิธีทำ ทำข้าวเหนียวแดงโดยล้างข้าวเหนียว แช่น้ำ 3 ชั่วโมง นำไปนึ่งให้สุก พักไว้ ตั้งกระทะเคี่ยวหัวกะทิให้เดือดจนแตกมัน ใส่น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทราย และเกลือครึ่งหนึ่ง เคี่ยวต่อให้เหนียวเป็นสีน้ำตาล ใส่ข้าวเหนียวนึ่ง ผัดจนแห้ง เทใส่พิมพ์ กดเบาๆ ให้เรียบ พักไว้ ทำขนมหัวครกโดยเคี่ยวน้ำตาลแว่น น้ำเปล่า และเกลือที่เหลือจนเป็นสีน้ำตาล ใส่น้ำผึ้ง คนให้เข้ากันจนข้นเหนียว ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ คลุกให้เข้ากันจนเกือบแห้ง ตักใส่บนข้าวเหนียว เกลี่ยให้ทั่ว กดเบาๆ พักไว้ให้เย็น ตัดขนมเป็นชิ้น จัดใส่จาน   

ส่วนผสม (สำหรับ 2-4 ที่) ข้าวเหนียวดำแช่น้ำ 1 คืน 2 ถ้วย หัวกะทิ 2 ถ้วย หางกะทิ 2 ถ้วย น้ำตาลทราย 1 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนชา ใบเตย (มัด) 2-3 ใบ ส่วนผสมกะทิราดหน้า หัวกะทิ 2 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนชา แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำกะทิราดหน้า ผสมทั้งหมดให้เข้ากันแล้วนำขึ้นตั้งไฟให้ส่วนผสมข้นขึ้น ปิดไฟ พักไว้ เครื่องเคียง เมลอนญี่ปุ่นสีเขียวและสีส้มสกูปเป็นลูกกลม เนื้อมะพร้าวกะทิหั่นเต๋า และมะพร้าวขูดอบแห้งอย่างละเล็กน้อย  วิธีทำ ผสมหางกะทิกับหัวกะทิให้เข้ากัน ใส่หม้อต้มด้วยไฟกลางให้พอเดือด ใส่ข้าวเหนียวดำและใบเตย ต้มต่อให้สุกนิ่มประมาณ 20-30 นาทีจนสุกตามชอบ เติมน้ำตาลทรายและเกลือ ชิมรส ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น ตักข้าวเหนียวลงในชามเสิร์ฟ วางเมลอนญี่ปุ่น เนื้อมะพร้าวกะทิ มะพร้าวอบแห้ง ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้ ก่อนเสิร์ฟราดด้วยน้ำกะทิ

ขนมมันเป็นขนมที่ทำจากมันสำปะหลังซึ่งทำง่ายมาก เมื่อผู้เขียนเป็นเด็กที่บ้านคุณย่าปลูกเพราะปลูกง่ายและขึ้นเร็วมาก เพียงแค่เอากิ่งจิ้มลงในดิน รดน้ำให้ชุ่ม ภายในสัปดาห์เดียวก็ออกราก ปลูกเพียง 5-6 เดือนก็เอามาทำขนมได้   มันสำปะหลังที่นำมาทำขนมได้อร่อยต้องเป็นมันพันธุ์ 5 นาที หัวเปลือกนอกมีสีน้ำตาลเข้ม เนื้อในสีขาว หัวเรียวยาว เปลือกปอกง่ายแค่แกะเปลือกก็ออกแล้ว เนื้อมันจะร่วนเหมาะนำไปทำขนมมัน มันเชื่อม และมันเผาคลุกน้ำเชื่อม ซึ่งสมัยก่อนจะมีขายทั่วไป   สมัยก่อนผู้ใหญ่จะเอามันหัวสวยๆ ไปเชื่อมหรือปิ้ง เด็กๆ ก็จะเอาหัวมันเล็กๆ หมกในขี้เถ้าของเตาอั้งโล่ ใส่ไว้เพียง 5 นาทีก็เอามาปอกทานได้แล้ว เพราะเหตุนี้จึงได้ชื่อว่ามัน 5 นาที ขนมนี้ใช้มัน 5 นาทีมาปอก ขูดฝอย ผสมกับแป้ง น้ำตาล เอาไปนึ่งจนสุกแล้วราดกะทิ เนื้อมันจะเหนียวเนียนนุ่ม รสไม่หวานจัด เมื่อทานกับกะทิที่มีรสเค็มๆ จะอร่อยเข้ากัน   ปัจจุบันมัน 5 นาทีมีขายในสื่อออนไลน์ ซื้อง่าย และทำไม่ยาก ใช้เวลาทำไม่นานก็ได้ทานขนมไทยอร่อยๆ   ขนมมันหน้ากะทิ ส่วนผสม (ตัวขนม) มัน 5 นาทีขูดฝอย 800 กรัม น้ำตาลทราย 320 กรัม แป้งเท้ายายม่อม 25 กรัม น้ำ 600 กรัม เกลือ หน้าขนม (กะทิ) กะทิ 625 กรัม แป้งข้าวเจ้า 35 กรัม เกลือ 3 กรัม อุปกรณ์ ลังถึงสำหรับนึ่ง และภาชนะใส่ขนม   วิธีทำ ผสมส่วนผสมตัวขนม ขยำทุกอย่างให้เข้ากัน เทใส่ภาชนะที่ใช้นึ่งประมาณ 2/3 ของภาชนะ นึ่งไฟกลางนาน 30-35 นาที (แล้วแต่ขนาดของภาชนะ) ผสมส่วนผสมกะทิ แล้วราดลงบนหน้าขนมที่สุกแล้ว นึ่งต่ออีก 10 นาที ยกออก พักไว้ให้เย็นแล้วตัดเป็นชิ้น

ขนมไทยหาทานยากที่สามาถทำกินเองได้ แป้งบางนุ่มสอดไส้กระฉีกหอมหวาน กินพร้อมน้ำกะทิเค็มมันอร่อยลงตัว   ส่วนผสมไส้กระฉีก มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น 1 ผล น้ำตาลมะพร้าว 1 ถ้วย เกลือป่น 1/8 ช้อนชา น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมแป้ง แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย หางกะทิ 1/3 ถ้วย น้ำอัญชัน 1/3 ถ้วย ส่วนผสมน้ำกะทิ กะทิ 2 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำตาลทรายขาว 1/3 ถ้วย งาขาว งาดำคั่ว วิธีทำ เตรียมไส้กระฉีกโดยเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว เกลือ และน้ำจนเดือดข้นเล็กน้อย ใส่มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น คนให้เข้ากันจนส่วนผสมแห้ง ปิดไฟ พักไว้ ผสมแป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย กับหางกะทิ นวดให้เข้ากัน (ถ้าแป้งแห้งค่อยๆ เติมน้ำจนแป้งปั้นได้) พักไว้ ผสมแป้งข้าวเหนียวที่เหลือกับน้ำอัญชัน (ถ้าแป้งแห้งค่อยๆ เติมน้ำจนแป้งปั้นได้) พักไว้ ปั้นไส้กระฉีกเป็นก้อนกลม เตรียมไว้ นำแป้งที่ผสมไว้มาแบ่งเป็นก้อนกลม แผ่แป้งออก ใส่ไส้กระฉีก หุ้มให้มิด ต้มน้ำให้เดือด ใส่แป้งลงต้มให้สุกลอย ตักขึ้นใส่น้ำเย็น ต้มกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือให้เดือด ใส่ขนมต้มลงต้มสักครู่ ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย โรยงาขาวและงาดำคั่ว

“ไข่ครอบ” เมนูขึ้นชื่อของจังหวัดสงขลา นำมาทำไอศกรีมเนื้อเนียนแน่น ได้ความหอมนวลๆ ของไข่เค็ม   ส่วนผสมมูสกล้วยหอม (Banana Mousse) น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย ไข่แดง 2 ฟอง เนื้อกล้วยหอมบด 1 ถ้วย ครีมชีส 1 ถ้วย เจลาติน 1 แผ่น วิปครีม 2 ถ้วย กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา ไวต์ช็อกโกแลต (ละลาย) 1 ถ้วย วิธีทำ ในชามผสมใส่น้ำตาลทราย ไข่แดง และครีมชีส ตีผสมให้เข้ากันบนหม้อน้ำอุ่น (Double Boiler) ให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน จากนั้นใส่เนื้อกล้วยหอมบด คนให้เข้ากัน ปิดไฟ ยกออกจากหม้อ ใส่วิปครีมและกลิ่นวานิลลา คนผสมให้เข้ากันแล้วใส่เจลาตินละลาย คนต่อเล็กน้อย ตักใส่ถุงบีบพักไว้ อุ่นไวต์ช็อกโกแลตให้ได้อุณหภูมิ 29 องศาเซลเซียส เทใส่พิมพ์ช็อกโกแลตรูปไข่ให้เต็มพิมพ์แล้วเคาะส่วนที่เหลือออก ปาดให้เรียบร้อย แช่ในตู้เย็นให้เซ็ตตัว จากนั้นนำฝาทั้ง 2 ด้านมาประกบกันให้เป็นไข่ (เชื่อมกันด้วยไวต์ช็อกโกแลตละลาย) หั่นครึ่งไข่ด้วยมีดแช่ในน้ำอุ่น บีบมูสกล้วยหอมให้เต็ม นำไปแช่ในตู้เย็นจนเซ็ตตัว ส่วนผสมมูสไข่แดง เนื้อไข่ครอบบด 1/2 ถ้วย ครีม 2 ถ้วย นมสด 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนชา กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา เจลาติน 1 แผ่น วิธีทำมูสไข่แดง ปั่นเนื้อไข่ครอบกับครีม นมสด น้ำตาลทราย เกลือ และกลิ่นวานิลลาให้เนื้อเนียนละเอียด เทใส่หม้อ ต้มให้พออุ่น ใส่เจลาติน (แช่น้ำเย็นแล้วบีบน้ำออก) คนให้ละลาย เทใส่พิมพ์ซิลิโคนทรงครึ่งวงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 เซนติเมตร แช่ในตู้เย็นจนเซ็ตตัว เตรียมไว้ ส่วนผสมไอศกรีมไข่ครอบ นมสด 600 มิลลิลิตร นมข้นหวาน 1/3 ถ้วย น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ ฝักวานิลลา 1/2 ฝัก เนื้อไข่ครอบ 2 ฟอง วิธีทำไอศกรีมไข่ครอบ ผสมนมสดกับแป้งข้าวโพดให้เข้ากัน จากนั้นนำไปต้มด้วยไฟกลาง (คนตลอดเวลา) ให้พอเดือด ใส่น้ำตาลทราย นมข้นหวาน ฝักวานิลลา (ใช้สันมีดขูดเฉพาะเมล็ดด้านใน) และเนื้อไข่ครอบ คนผสมให้เข้ากัน ปิดไฟ พักให้พออุ่น ปั่นส่วนผสมให้เนื้อเนียนละเอียด เทใส่ภาชนะ ปิดฝา นำเข้าช่องแช่แข็ง 1 คืนจนเซ็ตตัว ตักเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่เครื่องปั่น ปั่นให้เนื้อเนียนละเอียด เทกลับใส่ภาชนะเดิม นำเข้าช่องแช่แข็งประมาณ 6-7 ชั่วโมงจนเซ็ตตัว ส่วนผสมครัมเบิล เนยจืด (เย็น) 50 กรัม น้ำตาลทราย 75 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม น้ำตาลโตนดป่น 50 กรัม เกลือ 1/4 ช้อนชา แผ่นคุกกี้สำหรับตกแต่ง วิธีทำครัมเบิล ผสมทั้งหมดให้เข้ากันด้วย Pastry Cutter จนเป็นเนื้อทราย เทใส่ถาดอบ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 12-15 นาที หรือจนสีเหลืองสวย พักให้เย็น วิธีจัดจาน วางครัมเบิลตรงกลางจาน วางไข่มูสกล้วยหอม ท็อปด้วยมูสไข่แดง ด้านข้างวางไอศกรีมไข่ครอบ ตกแต่งด้านบนด้วยเนื้อไข่ครอบขูด วางแผ่นคุกกี้และดอกไม้กินได้ให้สวยงาม

ส่วนผสมข้าวเหนียวดำ (สำหรับ 2 ที่) ข้าวเหนียวดำแช่น้ำ 1 คืน 1 ถ้วย น้ำเปล่า 1 1/2 ถ้วย กะทิ 2 ถ้วย น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย เกลือ 1/4 ช้อนชา น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ ใบเตย 1-2 ใบ ไอศกรีมรสวานิลลา                                   เนื้อมะม่วงสุกหั่นเต๋า                                 ดอกไม้สำหรับตกแต่งเล็กน้อย ส่วนผสมน้ำเชื่อมกะทิ กะทิ 1 1/2 ถ้วย น้ำตาลมะพร้าว 1/2 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนชา ใบเตย (มัด) 2-3 ใบ วิธีทำ หุงข้าวเหนียวโดยใส่ข้าวเหนียวดำกับน้ำเปล่าและใบเตยลงในหม้อหุงข้าว หุงจนสุก ใช้พายไม้เกลี่ยข้าวให้ทั่ว ตักใส่ชามผสม ใส่กะทิ น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำมันมะพร้าวลงในข้าวเหนียว (ขณะยังร้อนอยู่) คลุกให้เข้ากัน ปิดด้วยพลาสติกสำหรับห่ออาหาร พักไว้ประมาณ 15 นาที หรือจนข้าวเหนียวดูดน้ำหมด ทำน้ำเชื่อมกะทิโดยตั้งหม้อใส่ส่วนผสมทั้งหมด ต้มให้เดือด ชิมรส ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น ตักข้าวเหนียวใส่ถ้วย ใส่เนื้อมะม่วง ราดน้ำเชื่อมกะทิ ทำสลับกัน 2-3 ชั้น จากนั้นท็อปด้วยไอศกรีม ตกแต่งด้วยดอกไม้ตามใจชอบ

ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) ข้าวเหนียวดำแช่น้ำ 1 คืน 1/2 ถ้วย น้ำเปล่า 1 1/2 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนชา น้ำผึ้ง 1/3 ถ้วย โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 3 ถ้วย ใบเตย 2-3 ใบ รวงผึ้ง (Honey Comb) ตามชอบ ใบมินต์สำหรับตกแต่ง วิธีทำ ต้มข้าวเหนียวดำพอเดือด ใส่ใบเตย ต้มต่อประมาณ 10-20 นาที (หมั่นคน ระวังข้าวเหนียวไหม้) จนข้าวเริ่มนิ่มและข้นขึ้น ใส่น้ำผึ้งและเกลือ ชิมรส ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น ตักข้าวเหนียวใส่แก้วประมาณ 1/4 ของแก้ว ใส่โยเกิร์ตให้เต็มแก้ว ตกแต่งด้วยข้าวเหนียวดำใบมินต์ และเนื้อรวงผึ้งให้สวยงาม

ชวนทำเมนูขนมหวานเนื้อนุ่มละมุนละไม ที่มาพร้อมกับผลไม้สดหลากชนิด ทานง่ายอร่อยได้ทุกวัน   ส่วนผสม นมสด 1 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ผงคัสตาร์ดสำเร็จรูป 1/2 ถ้วย ผลไม้สด เช่น สตรอว์เบอร์รี กีวี บลูเบอร์รี แคนตาลูป   วิธีทำ หั่นผลไม้เป็นชิ้นพอคำ เตรียมไว้ ผสมนมสด น้ำตาลทราย และผงคัสตาร์ด คนให้เข้ากัน ตั้งไฟกวนให้ส่วนผสมข้น ยกลง คนคัสตาร์ดให้คลายความร้อน ใส่ผลไม้สดที่เตรียมไว้ คนเบาๆ ตักใส่ถ้วย ตกแต่งด้วยผลไม้ เสิร์ฟเย็นๆ

สายทุเรียนต้องไม่พลาดเมนูนี้ ทุเรียนเชื่อมหวานมันตัดด้วยน้ำกะทิรสกลมกล่อม   ส่วนผสม เนื้อทุเรียนดิบเอาเม็ดออก 600 กรัม น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย น้ำเปล่า 2 ถ้วย น้ำปูนใส 3 ถ้วย      ส่วนผสมหน้ากะทิ กะทิ 3/4 ถ้วย แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา งาขาว งาดำคั่ว วิธีทำ แช่ทุเรียนในน้ำปูนใส 1-2 ชั่วโมง ล้างน้ำปูนใสออกให้หมด พักไว้ ต้มน้ำเปล่ากับน้ำตาลทรายให้เดือดจนน้ำตาลละลายหมด ใส่เนื้อทุเรียนลงเชื่อมจนทุเรียนสุกใส ตักขึ้น ผสมกะทิ แป้งข้าวเจ้า และเกลือ คนให้เข้ากัน ตั้งไฟคนให้แป้งสุกข้น ยกลง จัดทุเรียนเชื่อมใส่จาน ราดด้วยกะทิ โรยงาคั่ว

ส่วนผสมไอศกรีม (สำหรับ 4 ที่) นมจืด 600 มิลลิลิตร นมข้นหวาน 1/3 ถ้วย น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ ผงเผือก 3 ช้อนโต๊ะ เครื่องเคียง แผ่นแป้งโรตีสายไหม 4 แผ่น ขนมถั่วตัดทุบพอหยาบตามชอบ ผักชีเล็กน้อย วิธีทำ ผสมนมจืดกับแป้งข้าวโพดให้เข้ากัน จากนั้นนำไปต้มด้วยไฟกลาง (คนตลอดเวลา) ให้พอเดือด ใส่น้ำตาลทราย นมข้นหวาน และผงเผือก คนผสมให้เข้ากัน ปิดไฟ พักให้เย็น เทใส่ภาชนะ ปิดฝา นำเข้าช่องแช่แข็งประมาณ 1 คืนจนเซ็ตตัว ตักเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่เครื่องปั่น ปั่นให้เนื้อเนียนละเอียด เทกลับใส่ภาชนะเดิม นำเข้าช่องแช่แข็ง 6-7 ชั่วโมงจนเซ็ตตัว วิธีทำไอศกรีมถั่วตัด โรยถั่วตัดและผักชีเล็กน้อยบนแผ่นแป้ง ตักไอศกรีมเผือกวางแล้วห่อให้แน่น เสิร์ฟทันที