L’Annécien (อาเนเซียง) ขนมนี้ได้ชื่อมาจากเมือง Annecy ทางตะวันออกของประเทศฝรั่งเศสใกล้กับสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยมาก มีสายน้ำไหลผ่านเมืองลงทะเลสาบใหญ่ อาเนเซียงเป็นขนมประเภทสปันจ์เค้ก ทำด้วยไข่ขาว กรอบนอกนุ่มใน ผิวนอกจะมีสีน้ำตาลเข้มนิดๆ เพราะต้องโรยน้ำตาลในพิมพ์ก่อนอบ นิยมทานในช่วงเวลาน้ำชา ทานโดยไม่ทาอะไรหรือกับแยมก็ได้   เชฟ Maxime Frédéric เป็นผู้คิดทำขนมนี้ขึ้นขณะที่เขาทำงานอยู่ที่ George V โรงแรมหรูในปารีส ผู้คนนิยมไปดื่มน้ำชาซึ่งต้องมีอาเนเซียงนี้ด้วย หลังจากนั้นอาเนเซียงจึงเป็นที่รู้จัก เชฟ Maxime Frédéric ไปอยู่ที่ไหนก็ตามตัวเขาไปด้วย   เค้กนี้ใช้ไข่ขาวล้วนๆ จึงต้องอบในพิมพ์ Bundt หรือพิมพ์ชนิดอื่นที่มีรูตรงกลาง   L’Annécien ส่วนผสม เนย 290 กรัม วานิลลา 1 ฝัก ไข่ขาว 290 กรัม (ไข่เบอร์ 0 จำนวน 7 ฟอง) น้ำตาลทราย 160 กรัม (ใช้น้ำตาลทรายแดงล้วนก็ได้จะได้เค้กสีน้ำตาลอ่อน) แป้งเค้ก 100 กรัม แป้งข้าวโพด 100 กรัม น้ำตาลทรายแดง 80 กรัม อุปกรณ์ พิมพ์ Bundt ขนาด 9 นิ้ว ทาเนย 15 กรัม โรยน้ำตาลทราย 25 กรัม น้ำตาลทรายแดง 25 กรัม ผสมกัน   วิธีทำ ใส่เนยในหม้อก้นหนา ตั้งไฟจนเนยเดือดสักพัก ใส่ฝักวานิลลา ปิดไฟ พักให้คลายร้อน ร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิดกับน้ำตาลทรายแดง พักไว้ ใส่ไข่ขาวในโถผสม ตีจนขึ้นฟอง ใส่น้ำตาลทราย 1/3 ส่วน ตีต่อไป พอฟองเล็กลงใส่น้ำตาลทรายอีก 1/3 ส่วน ตีต่อไปอีกสักพัก ใส่น้ำตาลทรายที่เหลือ และตีจนยอดแข็ง กรองเนยเอาฝักวานิลลาออก ใส่ไข่ขาวส่วนหนึ่งลงไป คนจนข้น เทส่วนผสมเนยข้นลงในไข่ขาว และตะล่อมให้เข้ากันดี ร่อนส่วนผสมแป้งลงในเนย ตะล่อมให้เข้ากัน เทส่วนผสมใส่พิมพ์ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส นาน 45-50 นาที ใช้ไม้จิ้มดูตรงกลางถ้าไม่มีเนื้อเค้กติดแสดงว่าสุกแล้ว เอาออกจากเตาอบคว่ำบนตะแกรงทันที อาเนเซียงทานทันทีหรือภายในวันที่ทำจะอร่อยที่สุด วิธีเสิร์ฟ ตัดใส่จาน ตักไอศกรีมวางข้าง ราดด้วยช็อกโกแลตฟัดจ์

เพิ่มเติมลูกเล่นให้กับแพนเค้กแบบเดิมที่เราคุ้นเคย ด้วยการปรับลดขนาดให้เป็นซิลเวอร์ดอลลาร์แพนเค้กขนาดชิ้นเล็กพอดีคำสองคำ จัดเสิร์ฟซ้อนๆ กันมาหรือจัดวางในรูปแบบ Finger Food แบ่งปันกันได้หลายคน เคียงมากับผลไม้สด ซอสช็อกโกแลต ซอสคาราเมล น้ำผึ้ง เมเปิลไซรัป ผลไม้แห้ง ผลไม้สด ถั่ว หรือธัญพืชต่างๆ อร่อยได้ทุกรูปแบบ ส่วนผสมแพนเค้ก นมสด 185 กรัม น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ แป้งสาลีอเนกประสงค์ 150 กรัม เบกกิงโซดา 1/2 ช้อนชา ผงฟู 1 ช้อนชา เกลือ 1/2 ช้อนชา เนย (ละลาย) 30 กรัม วิธีทำ เตรียมแป้งแพนเค้ก โดยผสมนมสดกับน้ำส้มสายชู พักไว้ ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ใส่ส่วนผสมนมตามลงไป ผสมให้เข้ากันดี ร่อนแป้ง เบกกิงโซดา ผงฟู และเกลือตามลงไป ตีให้เข้ากัน ใส่เนยละลายแล้วผสมต่อให้เข้ากันดี พักส่วนผสม 10 นาที แล้วนำใส่ขวดบีบ หรือถุงบีบ ตั้งกระทะให้ร้อนแล้วลดไฟ บีบแพนเค้กเป็นชิ้นขนาด 5 เซนติเมตรให้เต็มกระทะ พอผิวด้านบนเริ่มเป็นฟอง พลิกกลับด้านแพนเค้กทั้งหมด เขย่ากระทะเบาๆ เมื่อแพนเค้กสุกจะลื่นไม่ติดผิวกระทะ ทำซ้ำจนหมด จัดเสิร์ฟซิลเวอร์ดอลลาร์แพนเค้กและเครื่องเคียงต่างๆ ได้ตามต้องการ

Chef Billy Bautista ผู้มาพร้อมกับรอยยิ้มและลีลาในการทำอาหารเม็กซิกันอย่างมีสีสัน เชฟจากซานฟรานซิสโกและเป็นผู้นำเทรนด์อาหารเม็กซิกันเข้ามาในเมืองไทยนานกว่า 15 ปี ทำอาหารผ่านการตีความของเมนูเม็กซิกันในแบบ “Mission Style” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเม็กซิโก เท็กซัส และแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นการปรุงโดยใช้ฟืน ไฟ และควัน ผสมผสานกับรสชาติและสีสันในแบบของเชฟบิลลี่ สามารถไปลิ้มลองได้ที่ร้าน La Monita, ร้าน Billy's Smokehouse และร้าน Santiaga ขนมหวานชูร์โรส์สไตล์เชฟบิลลี่ แป้งชูร์โรส์ที่เปลี่ยนจากทอดเป็นอบในเตาสำหรับทำวัฟเฟิล เพิ่มความกรอบและหอมอีกแบบ เสิร์ฟพร้อมซอสคาราเมลเข้มข้น กินคู่กับช็อกโกแลตร้อนๆ ยิ่งเข้ากัน   ส่วนผสมแป้งวัฟเฟิล แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย ผงฟู 1/2 ช้อนชา เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย ไข่ไก่ 1 ฟอง นมสด 1 ถ้วย กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา ซอสต่างๆ เช่น คาราเมล หรือช็อกโกแลตตามชอบ วิธีทำ ร่อนแป้ง ผงฟู และเกลือเข้าด้วยกัน ใส่ลงในชามผสม ใส่ส่วนผสมที่เหลือลงไป คนให้เข้ากันจนเนื้อเนียน อุ่นเครื่องทำวัฟเฟิลให้พอร้อน ตักแป้งลงบนแผ่นทำวัฟเฟิล ปิดฝาแล้วรอจนสุก หลังจากนั้นนำไปทอดให้สีเหลืองทอง โรยด้วยน้ำตาลป่นและอบเชย เสิร์ฟพร้อมกับซอสต่างๆ เช่น คาราเมล หรือช็อกโกแลตได้ตามต้องการ

ลองเปลี่ยนจากเค้กนุ่มนิ่ม มาเป็นสัมผัสกรุบกรอบที่สลับชั้นกับครีมสดมีช็อกโกแลตชิปให้เคี้ยวด้วย   ส่วนผสม เนยสดเค็ม 200 กรัม น้ำตาลทรายขาว 100 กรัม น้ำตาลทรายแดง 70 กรัม เกลือป่น 1/4 ช้อนชา ไข่ไก่เบอร์หนึ่ง 1 ฟอง แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม ผงฟู 1 ช้อนชา เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 100 กรัม ช็อกโกแลตชิป 100 กรัม วิธีทำ ทำคุกกี้โดยผสมเนยสดกับน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายแดง ใส่เกลือป่น คนให้เข้ากันจนเป็นครีม ใส่ไข่แล้วคนต่อให้เข้ากันจนเป็นครีม ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ คนให้เข้ากัน ใส่แป้งสาลีและผงฟู ผสมให้เข้ากัน ใส่ช็อกโกแลตชิป ผสมต่อให้เข้ากัน แบ่งคุกกี้เป็น 3 ส่วน ใส่ลงในพิมพ์ขนาด 6 นิ้ว กดแป้งคุกกี้ให้เสมอพิมพ์ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 20-25 นาทีหรือจนสุก พักไว้ให้เย็น ตีวิปปิงครีมกับน้ำตาลไอซิงให้ขึ้นฟูอยู่ตัว ประกบเค้กโดยวางคุกกี้ชิ้นแรกบนจาน ใส่วิปครีม วางคุกกี้ชิ้นที่ 2 ทำสลับกันจนครบ 3 ชิ้น บีบวิปครีมบนหน้า แต่งด้วยลูกปัดน้ำตาลสีทอง จัดเสิร์ฟ

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) แป้งขนมปัง 250 กรัม เนยจืด 60 กรัม ผงยีสต์ 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 60 กรัม นมผง 2 ช้อนโต๊ะ นมรสจืด 80 กรัม น้ำเปล่า 50 กรัม ส่วนผสมไส้ น้ำสลัด | แฮม | ปูอัด | ไส้กรอก | ชีสเชดดาร์ | ชีสมอซซาเรลลา | พาร์สลีย์สับ   วิธีทำ ใส่ส่วนผสมแป้งทั้งหมดในโถตี ตีด้วยหัวตะขอใช้ความเร็วต่ำ นวดจนเนื้อเนียนประมาณ 10-15 นาที พักแป้งไว้ประมาณ 15 นาที แบ่งแป้งให้ได้ก้อนละ 150 กรัม คลึงให้เป็นวงรีแล้วใช้นิ้วกดที่ขอบแป้งเบาๆ จากนั้นปั้นก้อนกลมเล็กประมาณ 20 กรัม ให้ได้ 4 ก้อน แล้วนำมาวางเรียงที่ขอบแป้ง ตกแต่งให้เป็นหน้าหมี ใส่ส่วนผสมไส้ตามชอบ พักไว้ประมาณ 30-45 นาทีจนขึ้นฟู นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 12-15 นาทีจนสุกสีเหลือง โรยพาร์สลีย์ กดแฮมและชีสแผ่นเป็นรูปดอกไม้ ตกแต่งให้สวยงาม

เพราะเราใช้แครกเกอร์แทนแป้งเค้ก สลับชั้นกับซอสราสป์เบอร์รีรสเปรี้ยวหวาน ครีมสด และไวต์ช็อกโกแลต เป็นเค้กที่อร่อยแถมทำง่ายที่สุดแล้ว   ส่วนผสมซอสราสป์เบอร์รี ราสป์เบอร์รีแช่แข็ง 1 ถ้วย น้ำตาลไอซิง 1/4 ถ้วย แป้งข้าวโพดละลายน้ำ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสม แครกเกอร์แผ่น 16 แผ่น ครีมชีส 170 กรัม น้ำตาลไอซิง  3/4 ถ้วย วิปปิงครีมสำหรับตีวิปชีส 3/4 ถ้วย ไวต์ช็อกโกแลต 120 กรัม วิปปิงครีม 3 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ทำซอสราสป์เบอร์รีโดยต้มราสป์เบอร์รีแช่แข็งให้ละลาย ใส่น้ำตาลไอซิงและแป้งข้าวโพด คนให้เข้ากันจนข้น ยกลง พักไว้ ตีครีมชีสให้พอขึ้นฟู ใส่น้ำตาลไอซิง ตีต่อให้เข้ากัน เติมวิปปิงครีมสำหรับตีวิปชีส ตีให้เข้ากันจนเป็นครีม ละลายไวต์ช็อกโกแลตกับวิปปิงครีม พักไว้ เรียงแผ่นแครกเกอร์ใส่พิมพ์ ใส่วิปชีสแล้วปาดให้เรียบ ใส่ซอสราสป์เบอร์รี เกลี่ยให้ทั่ว จากนั้นเรียงแผ่นแครกเกอร์อีกชั้น ใส่วิปชีสแล้วปาดให้เรียบ    ราดไวต์ช็อกโกแลต ซอสราสป์เบอร์รี เกลี่ยให้สวยงาม นำไปแช่เย็นก่อนเสิร์ฟ

แรงบันดาลใจจากแซนด์วิชคุกกี้รสช็อกโกแลตสอดไส้ครีม นำมาดัดแปลงให้อยู่ในรูปแบบของคัปเค้กหมวกสูง ส่วนผสมคัปเค้ก แป้งเค้ก 85 กรัม ผงโกโก้สีเข้ม 30 กรัม ผงฟู 1/2 ช้อนชา เบกกิงโซดา 1/4 ช้อนชา เกลือ 1/2 ช้อนชา คุกกี้ช็อกโกแลต (บด) 50 กรัม น้ำตาลทราย 150 กรัม ซาวร์ครีม 115 กรัม น้ำมันรำข้าว 55 กรัม ไข่ไก่ 1 ฟอง กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา ผงกาแฟ 2 ช้อนชา น้ำร้อน 115 มิลลิลิตร คุกกี้ช็อกโกแลต (บด) สำหรับเสิร์ฟ คุกกี้แอนด์ครีมบัตเตอร์ครีม เนยจืด 170 กรัม น้ำตาลไอซิง 120 กรัม กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา คุกกี้ช็อกโกแลต (บด) 40 กรัม ดาร์กช็อกโกแลตเกลซ ดาร์กช็อกโกแลต 100 กรัม น้ำมันรำข้าว 1 ช้อนชา ไวต์ช็อกโกแลตเกลซ    ไวต์ช็อกโกแลต 30 กรัม น้ำมันรำข้าว 1/4 ช้อนชา วิธีทำ ตั้งเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส โปรแกรมไฟล่างไฟบน เตรียมถาดอบคัปเค้ก รองด้วยกระทงกระดาษ ละลายผงกาแฟกับน้ำร้อนและกลิ่นวานิลลา พักไว้ ร่อนแป้งเค้ก ผงโกโก้ ผงฟู เบกกิงโซดา และเกลือลงในชามผสม ใส่น้ำตาลทรายและคุกกี้บดตามลงไป ใช้ตะกร้อมือคนให้กระจายทั่วดี ผสมซาวร์ครีม น้ำมันรำข้าว และไข่ไก่ให้เข้ากัน ใส่ลงในส่วนผสมของแห้ง ตามด้วยส่วนผสมกาแฟ คนให้เข้ากัน ตักส่วนผสมลงในถ้วยคัปเค้กที่เตรียมไว้ 50 กรัมต่อชิ้น นำเข้าเตาอบ 18 นาทีหรือจนสุกดี พักให้เย็นลง เตรียมบัตเตอร์ครีมโดยตีเนยให้นุ่มดี ใส่น้ำตาลไอซิงและวานิลลา ตีจนส่วนผสมมีลักษณะฟูเบา ใส่คุกกี้บด คนให้กระจายทั่วดี ใส่ถุงบีบ บีบบัตเตอร์ครีมลงบนหน้าคัปเค้ก แล้วนำไปพักในตู้เย็น 15 นาที นำดาร์กช็อกโกแลตใส่ชามผสม นำเข้าไปละลายในไมโครเวฟ ใส่น้ำมันรำข้าว คนให้เข้ากัน ใส่ถุงบีบ บีบดาร์กช็อกโกแลตลงบนบัตเตอร์ครีมที่เย็นดี นำไวต์ช็อกโกแลตใส่ชามผสม นำเข้าไปละลายในไมโครเวฟ ใส่น้ำมันรำข้าว คนให้เข้ากัน ใส่ถุงบีบ บีบทับลงบนดาร์กช็อกโกแลต โรยด้วยคุกกี้บดเล็กน้อย พักให้เซ็ตตัวดี พร้อมรับประทาน

Pound Cake (พาวนด์เค้ก) ชื่อเค้กนี้ได้มาจากส่วนผสมดั้งเดิมที่มีแป้ง ไข่ น้ำตาล และเนยอย่างละหนึ่งปอนด์ ปรากฏในตำราอาหารของยุโรปและอเมริกาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นเค้กเนื้อหนัก เก็บได้หลายวัน ต่อมาก็เริ่มใส่ผิวส้ม ผิวเลมอนเพิ่มเข้าไปเพื่อให้มีกลิ่นหอม มีการปรับให้เนื้อเค้กเบาขึ้น นุ่มขึ้น ฯลฯ   ปัจจุบันนี้เค้กนี้มีการเปลี่ยนแปลงสูตรมากมายจนแทบไม่มีใครทำแบบดั้งเดิม มีการใส่ผลไม้แห้ง ใส่เหล้ารัม ผงฟู เบกกิงโซดา ครีมเปรี้ยว เพื่อให้เนื้อเค้กเบา นุ่ม เหนียว ตามความนิยม แต่ละบ้านจะมีตำราพิเศษที่ทำกันมาหลายชั่วคน   ฉบับนี้เราจะทำในแบบที่นิยมกันมาก ว่ากันว่าเป็นเค้กโปรดของเอลวิส เพรสลีย์ ราชาเพลงร็อกแอนด์โรลของอเมริกา ทำง่าย พิมพ์ที่ใช้ต้องเป็นพิมพ์ Tube หรือ Bundt ที่มีปล่องตรงกลางเพื่อระบายความร้อน หรือใส่พิมพ์ Loaf ขนาด 5×3 นิ้ว    เค้กนี้จะอร่อยหลังพักไว้ข้ามคืน หรือ 24 ชั่วโมงแล้ว และเก็บไว้นอกตู้เย็นได้ 4-5 วัน เวลาอบก็ไม่ต้องเปิดไฟเตาอบไว้ก่อนเพราะเป็นเค้กเนื้อหนักจึงต้องอบโดยค่อยๆ ให้ความร้อน   Pound Cake ส่วนผสม แป้งเค้ก 350 กรัม เกลือ 1 ช้อนชา เนยอุณหภูมิห้อง 227 กรัม น้ำตาลทราย 500 กรัม ไข่ เบอร์ 0 7 ฟอง วิปปิงครีม 227 กรัม ผิวส้มสะดือ (ส้มซันคิสต์) ขูด 1 ผล วานิลลา 2 ช้อนชา อุปกรณ์ พิมพ์ Tube หรือ Bundt ขนาด 10 นิ้ว หรือพิมพ์ Loaf ขนาด 5×3 นิ้ว จำนวน 2 พิมพ์ ทาเนยโรยแป้งเตรียมไว้   วิธีทำ ร่อนแป้งและเกลือ 2-3 ครั้ง เตรียมไว้ ตีเนยและน้ำตาลทรายจนฟูขาว ใส่ไข่ทีละฟองจนหมด ใส่วานิลลาและผิวส้ม ใส่แป้งครึ่งหนึ่ง ตีเบาๆ ให้เข้ากัน ใส่วิปปิงครีม ตีให้เข้ากัน แล้วใส่แป้งที่เหลือ เทส่วนผสมใส่พิมพ์ เคาะพิมพ์บนโต๊ะเบาๆ 2-3 ครั้ง เพื่อไล่ฟองอากาศ นำเข้าเตาอบ (ไม่ต้องเปิดไฟไว้ก่อน) อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส หรือ 180 องศาเซลเซีย (ไม่มีพัดลม) อบนาน 70-80 นาที เมื่ออบได้ 60 นาที ใช้ไม้จิ้มดูถ้าไม่มีเนื้อเค้กติดแสดงว่าสุกแล้ว นำออกจากเตาพักบนตะแกรง 30 นาที ก่อนคว่ำออกจากพิมพ์

ทีวีเสนอสิ่งเร้าที่ทำให้อยากอาหาร...   ป้าเจี๊ยบถูกทีวีกระตุ้นบ่อยครั้ง ชนะบ้างแพ้บ้าง แพ้น้อยกว่าเพราะความขี้เกียจ แต่พอดูซีรีส์เกี่ยวกับตำรวจมะกันที่ทุกเรื่องต้องมีโดนัทเข้าฉากจนป้าเจี๊ยบเริ่มจะปักใจว่าโดนัทเป็นที่ชื่นชอบของตำรวจมะกันทุกคน ป้าเจี๊ยบจะเกิดความอยากกินโดนัทร่วมด้วยทุกครั้ง...ฮา!   ชนะมาตลอดนะคะ แต่เมื่อวานยอมยกธงขาวเมื่อเห็นนางเอกถือกล่องใส่โดนัทหน้าตาดีอย่างเยอะมาเอาใจตำรวจทั้งหลายซึ่งเข้ามาหยิบกินคนละหนุบละหนับ   ป้าเจี๊ยบไม่ได้สั่งหรือออกไปซื้อมากินนะคะ หลีกเลี่ยงของทอดน้ำมันที่ไม่ได้ทอดเอง เพราะที่บ้านไม่ใช้น้ำมันที่ทอดซ้ำค่ะ จะกินโดนัทก็ต้องลงมือทำ    เตรียมชามแห้งมีแป้งสาลีอเนกประสงค์ 125 กรัม ยีสต์ 1 ช้อนชา นมผง 1 ช้อนโต๊ะ ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมเข้ากันแล้วทำบ่อไว้ตรงกลาง ส่วนชามเปียกมีนมสดรสจืด 60 กรัม ไข่ไก่เฉพาะไข่แดง 1 ฟอง น้ำตาลทราย 15 กรัม เกลือป่น 1/4 ช้อนชา ใช้ช้อนคนให้ส่วนผสมเข้ากันแล้วเทลงบ่อ คนให้ของแห้งกับของเหลวผสมกัน แล้วใช้มือนวดประมาณ 5 นาทีจนเนื้อค่อนข้างเนียน      จากนั้นใส่เนยสดรสจืด 15 กรัมลงไปนวดต่อประมาณ 15 นาที ได้แป้งโดเนื้อเนียนก็แบ่งเป็น 6 ก้อนเท่าๆ กัน ก้อนละประมาณ 40 กรัม กะว่าป้าเจี๊ยบ ป้าแจง ป้าอี๊ด แบ่งกันคนละ 2 ชิ้นพอดี   ป้าเจี๊ยบปั้นแป้งเป็นก้อนกลมวางเรียงบนเคาน์เตอร์ เอาผ้าคลุมไว้ พักแป้ง 15 นาที จากนั้นนำแป้งมากดลงให้แบน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 1/2 นิ้ว ขณะที่กำลังจะเจาะรูตรงกลางก็เกิดเปลี่ยนใจไม่อยากกินของทอดขึ้นมาซะงั้น   แทนที่จะเจาะรู ป้าเจี๊ยบใส่ครีมชีสสเปรด ชีสเชดดาร์ และผลไม้รวมหมักบรั่นดีอย่างละประมาณ 1/2 ช้อนชาลงตรงกลาง แล้วรวบขอบเข้าหากัน บีบให้แน่น คลึงเป็นก้อนกลม วางเรียงกันบนเคาน์เตอร์ ใช้มือตบเบาๆ ให้หน้าแบนลงก่อนคลุมผ้าพักแป้งต่ออีกครั้งประมาณ 30 นาที จะทำเป็นวัฟเฟิลค่ะ   เตาวัฟเฟิลของป้าเจี๊ยบเป็นแบบราคาถูก ไม่มีเลขบอกระดับความร้อน มีแต่คำ Min. (น้อย) Max. (มาก) ป้าเจี๊ยบตั้งศรชี้ไปบริเวณ 75% ระหว่าง 2 คำนี้ ประมาณว่าไฟกลางค่อนข้างร้อน พอวอร์มเตาได้ความร้อนที่ต้องการแล้ว ป้าเจี๊ยบค่อยๆ หยิบแป้งโดอย่างเบามือ วางลงตรงกลางพิมพ์แล้วปิดฝา เตานี้เป็นชนิดที่วัฟเฟิลไม่ติดพิมพ์ ไม่ต้องทาน้ำมันก่อนเหมือนบางชนิดค่ะ   ป้าเจี๊ยบกะเวลาประมาณ 8-10 นาที หรือวัฟเฟิลเป็นสีน้ำตาลทอง จึงนำออกมาวางผึ่งไว้บนตะแกรง ป้าเจี๊ยบผสมเนยสดรสเค็มละลายกับน้ำผึ้งอย่างละ 1 ช้อนชา สำหรับทาเคลือบผิววัฟเฟิลด้วยนะคะ เคลือบ 3 ไม่เคลือบ 3 เผื่อเลือกกินตามชอบ   แม้ไม่ได้กินโดนัทตามที่ตั้งใจไว้ แต่วัฟเฟิลไส้สองชีสกับผลไม้รวมชดเชยได้เต็มร้อย

ชาววีแกนผู้ไม่กินผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ หรือถ้าเคร่งครัดจะไม่ใส่เสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางจากสัตว์เลย และแน่นอนว่าขนมที่มีเจลาติน (ทำจากเอ็นสัตว์) นม เนย ไข่ นั้นเป็นข้อห้าม แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินชีวิตของชาววีแกนรวมทั้งอาหารการกินก็ไม่ประสบปัญหาใดๆ ชาววีแกนมีผลิตภัณฑ์หลากหลายในการทำอาหาร เช่น กะทิ นมธัญพืช เนยวีแกน ชีสวีแกน ฯลฯ และมีเค้กอร่อยอย่าง Vegan Fruit Cake สูตรนี้   ความอร่อยของฟรุตเค้กนี้มาจากผลไม้แห้งแช่เหล้าที่ทำให้กลิ่นหอม เนื้อฉ่ำ ใส่น้ำส้ม กล้วยหอมบดหรือแอปเปิลบดละเอียดที่ช่วยให้เนื้อเค้กไม่หนักเกินไป และเมื่อมีฟรอสติงจากน้ำตาลไอซิงและเนยวีแกนตีให้เข้ากันแต่งบนหน้า และตกแต่งด้วยผลไม้สด จะช่วยให้เค้กอร่อยเหมือนมีครีม และรสหวานขึ้น   เรียกว่าเป็นฟรุตเค้กวีแกนประจำเทศกาลที่ชวนทำและทำไม่ยากเลย Vegan Fruit Cake ส่วนผสม ผลไม้แห้งรวมหั่นเป็นชิ้นเล็ก (แช่เหล้ารัมไว้ข้ามคืน หรือ 1 สัปดาห์) 350 กรัม Mixed Spice 2 ช้อนชา อบเชยป่น 1 ช้อนชา Allspice 1 ช้อนชา เนยวีแกนหรือมาร์การีน 50 กรัม น้ำส้ม 50 มิลลิลิตร กล้วยหอมสุกบดละเอียด หรือแอปเปิลบดละเอียด 120 กรัม วานิลลา 1 ช้อนชา แป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม ผงอัลมอนด์ 50 กรัม น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม ผงฟู 1 ช้อนชา เกลือ 1/4 ช้อนชา ผลไม้ตกแต่ง เช่น องุ่นเขียว แดง เบอร์รีต่างๆ ตามชอบ ส่วนผสมและวิธีทำ Buttercream Frosting เนยวีแกน 75 กรัม | น้ำตาลไอซิง 180 กรัม | วานิลลา 1 ช้อนชา ตีเนยให้นุ่ม ค่อยๆ ใส่น้ำตาลไอซิงและวานิลลา ตีจนฟูนุ่ม อุปกรณ์ พิมพ์กลมขนาด 8 นิ้ว   วิธีทำ เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ทาเนยในพิมพ์และโรยแป้งเตรียมไว้ ในชามผสมใส่ผลไม้แห้ง เครื่องเทศ และน้ำส้ม คนให้เข้ากัน ในชามผสมใบใหญ่ตีเนยกับน้ำตาลทรายแดงให้นุ่ม ใส่กล้วยบดและวานิลลา ร่อนแป้ง ใส่ผงอัลมอนด์ ผงฟู และเกลือ คนให้เข้ากัน ใส่ในส่วนผสมเนย คนให้เข้ากัน แล้วผสมลงในผลไม้แห้งที่เตรียมไว้ เทใส่พิมพ์ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 40 นาที จนหน้าเหลือง ใช้ไม้จิ้มตรงกลางถ้าไม่มีเนื้อเค้กติดแสดงว่าสุกแล้ว นำออกจากเตาอบ พักไว้ 10 นาที เคาะออกจากพิมพ์ ทา Buttercream Frosting และตกแต่งด้วยผลไม้ให้สวยงาม

ขนมสุดคลาสสิกประจำช่วงคริสต์มาสที่เชฟนำมาดัดแปลงในแบบของตัวเอง เต็มไปด้วยผลไม้แห้ง มีเนื้อสัมผัสกรอบจากถั่ว หอมกลิ่นวานิลลาและเหล้ารัม โรยหน้าด้วยน้ำตาลไอซิงคล้ายกับหิมะที่กำลังโปรยลงมา ส่วนผสม นม 170 กรัม | ไข่ทั้งฟอง 100 กรัม | ยีสต์ 25 กรัม | แป้งขนมปัง T55 565 กรัม | น้ำตาลทราย 85 กรัม | เกลือทะเล 5 กรัม | เนย 310 กรัม | ผลไม้แห้งรวม 300 กรัม | ลูกเกดสีทอง 100 กรัม | เหล้ารัม 100 กรัม | เชอร์รีตากแห้ง 100 กรัม | อัลมอนด์สไลซ์ 100 กรัม | เฮเซลนัตสับหยาบ 100 กรัม | พิสตาชิโอสับหยาบ 100 กรัม | วานิลลา 1 ฝัก | น้ำตาลไอซิงสำหรับโรยหน้า   วิธีทำ วันที่ 1 อุ่นเหล้ารัมกับฝักวานิลลาให้พออุ่น จากนั้นผสมผลไม้แห้ง เชอร์รี และลูกเกดสีทอง เทเหล้ารัมอุ่นๆ ลงไปแล้วพักไว้ข้ามคืน วันที่ 2 ผสมแป้ง น้ำตาลทราย และยีสต์ ค่อยๆ ใส่ไข่ทั้งฟองลงไปทีละน้อยจนเข้ากันหมด ใส่เกลือ แล้ว ค่อยๆ ใส่เนยทีละน้อย จากนั้นใช้หัวตะขอตีด้วยความเร็วสูงเหมือนการทำบริออช แป้งโดจะมีความแน่นเล็กน้อย ใส่ถั่วและผลไม้แห้ง (กรองเหล้าออก) ผสมต่ออีก 2 นาที แบ่งแป้งให้ได้ชิ้นละ 350 กรัม คลึงแป้งให้เป็นก้อนกลม พักไว้ 30 นาที แล้วปั้นให้เป็นทรงขอนไม้ พักแป้งไว้ให้ขึ้นฟู 2 เท่า นาน 1.5 ชั่วโมง นำเข้าเตาอบใต้ตะแกรงใช้อุณหภูมิ 185 องศาเซลเซียส นาน 25 นาที ระหว่างอบคอยหมุนถาดเพื่อให้สุกทั่วชิ้น นำออกจากเตา โรยด้วยน้ำตาลไอซิงหนาๆ แล้วพักไว้ให้เย็น ตัดเสิร์ฟขนาดตามต้องการ เอื้อเฟื้อสูตรและทำอาหารสำหรับถ่ายภาพ เชฟดัสติน แบกซ์เตอร์ (Chef Dustin Baxter) Executive Pastry Chef โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ (Rosewood Bangkok)

มูสเค้กรูปต้นคริสต์มาสสีเขียวสวยอีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของเชฟดัสติน แบกซ์เตอร์ เนื้อในสอดไส้ครีมเรดเคอเรนต์รสเปรี้ยวสดชื่น สลับกับเค้กถั่วพิสตาชิโอและมูสพิสตาชิโอกลิ่นหอมมัน ส่วนผสมและวิธีทำมูสพิสตาชิโอ นม 250 กรัม | น้ำตาลทราย 65 กรัม | เจลาติน 12 กรัม | วิปครีมตีตั้งยอดอ่อน 375 กรัม | พิสตาชิโอเพสต์ 25 กรัม | สีผสมอาหารสีเขียวใส่ตามชอบ อุ่นนมกับพิสตาชิโอเพสต์ และน้ำตาลทรายให้พอร้อน เทลงบนเจลาติน คนให้เข้ากันแล้วพักให้เย็น ใส่วิปครีมและสีผสมอาหาร คนให้เข้ากัน ตักใสถุงบีบ เตรียมไว้ ส่วนผสมครีมเรดเคอร์เรนต์ ไข่ไก่ 250 กรัม | น้ำตาลทราย 200 กรัม | แป้งข้าวโพด 15 กรัม | เรดเคอร์เรนต์พูเร่ (ไม่แข็ง) 200 กรัม | แผ่นเจลาติน 5 กรัม | เนย 150 กรัม   วิธีทำ ในหม้อใบเล็กผสมเรดเคอร์เรนต์พูเร่กับไข่ไก่ น้ำตาลทราย และแป้งข้าวโพดให้เข้ากัน นำไปต้มประมาณ 2 นาที (ระวังอย่าให้ไหม้) ใส่เจลาติน คนส่วนผสมให้เข้ากัน พักให้เย็นจนอุณหภูมิวัดได้ 40 องศาเซลเซียส ใส่เนยแล้วปั่นให้เนื้อเข้ากัน บีบใส่แม่พิมพ์มัฟฟินขนาดเล็กปริมาณ 40 กรัม นำไปแช่เย็นจนเซ็ตตัว (แกะออกจากพิมพ์ก่อนใช้) ส่วนผสมสปันจ์เค้กพิสตาชิโอ ไข่แดง 200 กรัม | น้ำตาลทราย (1) 115 กรัม | ไข่ขาว 360 กรัม | น้ำตาลทราย (2) 115 กรัม | ผงถั่วพิสตาชิโอ 25 กรัม | แป้งสาลี T45 115 กรัม | แป้งข้าวโพด 115 กรัม      วิธีทำ ร่อนแป้งสาลีและแป้งข้าวโพด ตีไข่แดงกับน้ำตาลทราย (1) เตรียมไว้ ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทราย (2) ด้วยเครื่องตีจนขึ้นฟู ใส่ส่วนผสมไข่แดงและแป้ง คนให้เข้ากัน เทใส่ถาดชั่งน้ำหนักให้ได้ 1,040 กรัม นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส นาน 10 นาที กดเป็นวงกลม เตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำเกลซ วิปปิงครีม 300 กรัม | น้ำตาลทราย 350 กรัม | น้ำตาลกลูโคส 150 กรัม | นมรสจืด 150 กรัม | แป้งข้าวโพด 25 กรัม | น้ำเปล่า 60 กรัม | เจลาติน 25 กรัม อุ่นนม ครีม น้ำตาลทราย และกลูโคส ผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำเปล่าแล้วเติมลงไป นำไปต้มประมาณ 3 นาทีจนข้นขึ้นเล็กน้อย ใส่เจลาติน พักไว้ให้หายร้อน เตรียมไว้สำหรับราด วิธีประกอบต้นคริสต์มาส บีบมูสพิสตาชิโอลงในพิมพ์ทรงกรวย ใส่ครีมเรดเคอร์เรนต์ ปิดด้วยเนื้อเค้กพิสตาชิโอ นำเข้าช่องแช่แข็งจนเซ็ตตัว แกะออกจากพิมพ์คว่ำลงบนตะแกรง ราดเกลซให้ทั่วชิ้น ตกแต่งด้วยน้ำตาลให้สวยงาม

ส่วนผสมเค้กช็อกโกแลต แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 ถ้วย | ผงโกโก้ 1 ถ้วย | ผงกาแฟ 2 ช้อนโต๊ะ | ผงฟู 1 ช้อนชา | เบกกิงโซดา 1 ช้อนชา | น้ำตาลทราย 2 ถ้วย | น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย | ไข่ไก่ 4 ฟอง | น้ำมันคาโนล่า 1 ถ้วย | นมรสจืด 2 ถ้วย | กลิ่นวานิลลา 3 ช้อนชา | เค้กมอสสีเขียวและน้ำตาลปั้นรูปเห็ดสำหรับตกแต่ง   วิธีทำ ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงโกโก้ ผงกาแฟ ผงฟู และเบกกิงโซดา เตรียมไว้ ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทราย น้ำมันคาโนล่า กลิ่นวานิลลา และนมรสจืดให้เข้ากันจนเนื้อเนียน ใส่แป้งที่ร่อนไว้ คนให้ส่วนผสมเข้ากันจนเนื้อเนียน เทใส่พิมพ์ขนาด 2 ปอนด์ จำนวน 3 พิมพ์ ที่รองด้วยกระดาษรองอบ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 20-25 นาที หรือจนเค้กสุก พักไว้บนตะแกรงให้หายร้อน ส่วนผสมช็อกโกแลตกานาช ดาร์กช็อกโกแลต 70% 2 ถ้วย | มิลก์ช็อกโกแลต 2 ถ้วย | วิปปิงครีม 4 ถ้วย | เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ ผสมดาร์กช็อกโกแลตและมิลก์ช็อกโกแลต อุ่นวิปปิงครีมให้พอร้อน เทลงในช็อกโกแลต คนให้ส่วนผสมเข้ากันจนเนื้อเนียน ใส่เนยจืด คนให้เข้ากัน คลุมด้วยพลาสติกแรป พักไว้ในตู้เย็นจนเซ็ตตัว วางเนื้อเค้กบนแท่นหมุน ปาดช็อกโกแลตกานาชให้ทั่ว ทำทั้งหมด 3 ชั้น จากนั้นปาดช็อกโกแลตกานาชให้ทั่วเค้ก ตกแต่งด้วยเค้กมอสสีเขียวและน้ำตาลปั้นรูปเห็ดให้สวยงาม

เนื้อชอร์ตเค้กสไตล์ญี่ปุ่นไส้ราสป์เบอร์รีรสเปรี้ยวหวาน ตัดกับรสหวานมันจากครีมมาสคาร์โปเนพิสตาชิโอ ด้านนอกตกแต่งด้วยช็อกโกแลตเป็นรูปเข็มขัดคล้ายกับชุดเอลฟ์ โดยใช้สีประจำต้นคริสต์มาส ส่วนผสมชอร์ตเค้กสไตล์ญี่ปุ่น ไข่แดง 66 กรัม | น้ำตาลทรายขาว (1) 34 กรัม | ไข่ขาว 186 กรัม | เกลือทะเล 1 กรัม | น้ำตาลทรายขาว (2) 80 กรัม | น้ำตาลทรายแดง 20 กรัม | แป้งสาลีอเนกประสงค์ 66 กรัม | แป้งข้าวโพด 13 กรัม | กลิ่นวานิลลาสกัด 1 กรัม | น้ำมันเมล็ดองุ่น 32 กรัม | ถั่วพิสตาชิโอบด 100% 50 กรัม   วิธีทำ ตีไข่แดงกับน้ำตาลทรายขาว (1) จนขึ้นฟู พักไว้ ตีไข่ขาว เกลือ น้ำตาลทรายขาว (2) และน้ำตาลทรายแดงจนขึ้นฟู นำไปผสมกับไข่แดงที่เตรียมไว้ให้เข้ากัน ใส่แป้งสาลี แป้งข้าวโพด กลิ่นวานิลลา และพิสตาชิโอบด ตะล่อมให้เข้ากัน ใส่น้ำมันเมล็ดองุ่น คนส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง กรุพิมพ์วงแหวนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 16 เซนติเมตร สูง 6 เซนติเมตร รองด้วยกระดาษรองอบ (ขนาด 8×33×5 เซนติเมตร) เทส่วนผสมที่ได้ลงในพิมพ์สำหรับอบขนมประมาณ 220 กรัม นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส นาน 15-20 นาที สไลซ์เนื้อเค้กที่อบเสร็จแล้วให้เป็นแผ่นหนา 1.5 เซนติเมตร (จะได้ 2 ชิ้น) ส่วนผสมและวิธีทำน้ำเชื่อมทาเค้ก น้ำตาลทราย 60 กรัม | น้ำเปล่า 136 กรัม | ผิวมะนาวขูดและน้ำมะนาว 2 ผล | ราสป์เบอร์รีบด 94 กรัม | สตรอว์เบอร์รีบด 40 กรัม | บรั่นดีผลไม้ (Raspberry Eau de Vie) 14 กรัม ต้มน้ำกับน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน ใส่ผิวมะนาว น้ำมะนาว และผลไม้บด จากนั้นจึงใส่บรั่นดีผลไม้ เคี่ยวให้เข้ากัน ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น ส่วนผสมครีมมาสคาร์โปเน นม 90 กรัม | น้ำตาลทราย 86 กรัม | วานิลลา 1 ฝัก | พิสตาชิโอบด 100% 55 กรัม | ผงเจลาติน (200 บลูม) 8 กรัม | น้ำเปล่า 48 กรัม | ชีสมาสคาร์โปเน 190 กรัม | วิปปิงครีมเย็น 790 กรัม   วิธีทำ ผสมชีสมาสคาร์โปเน วิปปิงครีม และพิสตาชิโอบด เตรียมไว้ ต้มนม น้ำตาลทราย และฝักวานิลลา ใส่เจลาตินแมส คนให้เข้ากันแล้วกรองฝักวานิลลาออก นำไปผสมกับครีมมาสคาร์โปเนที่เตรียมไว้ เทส่วนผสมทั้งหมดลงบนถาด นำไปแช่เย็นด้วยเครื่องแช่เยือกแข็ง (Blast Chiller) นาน 3 ชั่วโมง หรือแช่ในตู้เย็นอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ตีครีมมาสคาร์โปเนให้ขึ้นฟูและเนื้อเนียน ตักใส่ถุงบีบพร้อมกับหัวบีบเซนต์-โอโนเร่ (Saint-Honoré) สำหรับตกแต่ง ช็อกโกแลตสีเหลือง | ช็อกโกแลตสีดำ | ช็อกโกแลตสีเขียว (สำหรับพันรอบเค้ก) | ช็อกโกแลตซีบี บล็องซาแตง (สำหรับพันรอบเค้ก) | เกลซใส | ราสป์เบอร์รี 250 กรัม    วิธีประกอบเค้ก ละลายช็อกโกแลตและทำสายคาดสำหรับประดับเค้กด้วยช็อกโกแลตสีเหลือง สีดำ และสีเขียว จากนั้นเคลือบราสป์เบอร์รีด้วยเกลซใสและนำมาตกแต่งบนชอร์ตเค้ก วางเนื้อเค้กสลับกับครีมมาสคาร์โปเนให้ได้ทั้งหมด 3 ชั้น ตกแต่งบนหน้าด้วยช็อกโกแลต ราสป์เบอร์รี ครีมมาสคาร์โปเน และพันรอบเค้กด้วยช็อกโกแลตสีต่างๆ ให้สวยงาม เอื้อเฟื้อสูตรและทำอาหารสำหรับถ่ายภาพ เชฟมาร์ค ราซูเรล (Chef Marc Razurel) เชฟผู้สอนประจำหลักสูตรการประกอบขนมอบ โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต (Le Cordon Bleu Dusit)

ขนมปังหวานใส่ผลไม้แห้งสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองในเทศกาลคริสต์มาส เชฟพาโบล คิกเคล (Pablo Gicquel) ใช้เวลาทำนานกว่า 3 วัน เนื้อขนมปังแน่นหอมกลิ่นเนย ผิวส้ม และกลิ่นวานิลลา ส่วนผสมครั้งที่ 1 แป้งสาลี (Gruau Rouge Flour T45) 1,000 กรัม | เนย 425 กรัม | น้ำเปล่า 600 กรัม | หัวเชื้อปาเนตโตเน (Levain Panettone) 450 กรัม | น้ำตาลทราย 350 กรัม | ไข่แดง 250 กรัม | ฝักวานิลลา 10 กรัม   วิธีทำ ทำแป้งหัวเชื้อปาเนตโตเนให้นุ่มลงโดยพับแป้งทบกันไปมา 5 ครั้ง แล้วพักแป้ง 3 ชั่วโมงในอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส ทำขั้นตอนนี้ซ้ำ 3 ครั้ง ใส่ส่วนผสมทั้งหมด (ยกเว้นเนย) ผสมด้วยความเร็วต่ำนาน 30 นาทีจนเนื้อเนียน ใส่เนยแล้วนวดต่อให้เนื้อเนียน พักไว้ในกล่องที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ส่วนผสมครั้งที่ 2 ส่วนผสมครั้งที่ 1 ปริมาณ 3,085 กรัม | แป้งสาลี (Gruau Rouge Flour T45) 500 กรัม | เนย 625 กรัม | เกลือ 40 กรัม | น้ำตาลทราย 120 กรัม | น้ำผึ้ง 160 กรัม | ไข่แดง 300 กรัม | น้ำเปล่า 150 กรัม | ผิวส้มเชื่อม 600 กรัม | ลูกเกดแช่เหล้า (Raisins Soaked) 600 กรัม | วานิลลา 20 กรัม   วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมด (ยกเว้นน้ำตาลทรายและเนย) ผสมด้วยความเร็วต่ำจนเนื้อเนียน ใส่น้ำตาลทรายแล้วผสมต่อ ใส่เนยแล้วผสมจนเนื้อเนียน ใส่ผิวส้มและลูกเกด นวดผสมให้เข้ากัน พักแป้งไว้ในกล่องนาน 3 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส (พับแป้งทุกๆ ชั่วโมง) แบ่งแป้งแล้วขึ้นรูป ใส่ลงในพิมพ์กระดาษ พักแป้งให้ขึ้นฟู 4-5 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส ส่วนผสม Topping Macaronade ผงอัลมอนด์ (Almond Whole Powder) 400 กรัม | น้ำตาลไอซิง 400 กรัม | แป้งสาลี T55 และแป้งข้าวโพด (อย่างละครึ่ง) 80 กรัม | น้ำมัน  60 กรัม | ไข่ขาว  300 กรัม | ถั่วอัลมอนด์สับและน้ำตาลไอซิงสำหรับโรยเล็กน้อย   วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมด ผสมให้เข้ากันแล้วบีบลงบนแป้งปาเนตโตเนที่พักไว้ โรยอัลมอนด์สับและน้ำตาลไอซิง นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส นาน 35 นาทีจนสีเหลืองสวย จากนั้นเสียบไม้แหลมที่ฐานของขนมปัง นำไปแขวนกลับหัวพักไว้ให้เย็น (เพื่อไม่ให้ขนมปังยุบตัว) เอื้อเฟื้อสูตรและทำอาหารสำหรับถ่ายภาพ เชฟพาโบล คิกเคล (Chef Pablo Gicquel) Executive Pastry Chef  โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ (Mandarin Oriental, Bangkok)

ส่วนผสมเค้กเรดเวลเวต (สำหรับ 12-15 ถ้วย) แป้งเค้ก 1 1/4 ถ้วย | ผงฟู 1/2 ช้อนชา | เบกกิงโซดา 1/2 ช้อนชา | เกลือทะเล 1/4 ช้อนชา | น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย | ไข่ไก่ 2 ฟอง | น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ | เนยจืดนุ่ม 1/2 ถ้วย | ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ | ผงกาแฟ 1/2 ช้อนชา (ผสมน้ำอุ่นเล็กน้อย) | นมรสจืด 1/2 ถ้วย | กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา | สีผสมอาหารสีแดงสดตามชอบ | ครีมช็อกโกแลตฟรอสติง เค้กมอส และน้ำตาลปั้นรูปเห็ดสำหรับตกแต่ง   วิธีทำ ตีเนยจืดกับน้ำตาลทรายให้ขึ้นฟูจนเนื้อเนียน ใส่ส่วนผสมทั้งหมดแล้วตีจนส่วนผสมเข้ากันและเนื้อเนียน ตักใส่พิมพ์คัปเค้ก นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส นาน 12-15 นาที หรือจนเค้กสุกพักไว้ให้หายร้อน บีบครีมช็อกโกแลตฟรอสติงบนคัปเค้ก ตกแต่งด้วยมอสและน้ำตาลปั้นรูปเห็ดให้สวยงาม

ส่วนผสมครีมชีส (สำหรับ 6-8 ที่) ครีมชีสหั่นเต๋า 375 กรัม วิปปิงครีม 1/2 ถ้วย ไข่ไก่ 2 ฟอง กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย ผิวเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ เนื้อสับปะรดบดหยาบ 1/2 ถ้วย แป้งทาร์ตอบ 1 ชิ้น เนื้อสับปะรดภูแลสไลซ์ 1-2 ผล วิธีทำ ตีครีมชีสจนนุ่มฟู ใส่ไข่ไก่ โยเกิร์ต และวิปปิงครีม คนส่วนผสมให้เข้ากันจนเนื้อเนียน ใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ ผิวเลมอน น้ำเลมอน กลิ่นวานิลลา และเนื้อสับปะรดบด ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากัน เทใส่แป้งทาร์ตแล้วนำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส นาน 15-20 นาทีจนสีเหลืองสวย วางเนื้อสับปะรดสไลซ์ อบต่อประมาณ 5-10 นาที พักให้หายร้อน แช่ในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมงจนเซ็ตตัว ตัดเสิร์ฟขนาดตามต้องการ

แป้งพัฟนำมาม้วนเป็นทรงกลม สอดไส้ครีมมะพร้าวอ่อน รสครีมมี่แบบเต็มชิ้น และท็อปด้วยครีมเมอแรงก์กะทิคล้ายกับไส้ครีมขนมเบื้อง กินคู่กับฝอยทองชุ่มฉ่ำและหอมหวาน   ส่วนผสมแป้งพัฟ แป้งพัฟเพสตรีสำเร็จรูป 4 ชิ้น | น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย | ฝอยทองสำหรับตกแต่งตามชอบ   วิธีทำ ตัดแป้งพัฟเพสตรีให้กว้าง 2 นิ้ว และยาว 15 นิ้ว ม้วนใส่พิมพ์วงกลม พักไว้ให้แป้งขึ้นฟูประมาณ 1 ชั่วโมง ทาไข่ไก่ โรยน้ำตาลเล็กน้อย แล้ววางถาดทับบนแป้งทาร์ต (เพื่อไม่ให้ฟูเวลาอบ) นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 15-20 นาที จนสุกและสีเหลืองสวย เตรียมไว้ ส่วนผสมเมอแรงก์ ไข่ขาว 3 ฟอง | น้ำตาลทราย 2 ถ้วย | น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย | กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา   วิธีทำ ต้มน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าให้เดือดสักครู่ จากนั้นตีไข่ขาวให้ขึ้นฟูเล็กน้อย ค่อยๆ ใส่น้ำเชื่อมและกลิ่นวานิลลาลงจนหมด ตีไข่ขาวต่อจนตั้งยอดแข็ง เตรียมไว้ ส่วนผสมไส้ครีมมะพร้าวอ่อน เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นฝอย 1/2 ถ้วย | น้ำมะพร้าวอ่อน 1 ถ้วย | กะทิ 1 ถ้วย | แป้งข้าวโพด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ | น้ำตาลทราย 50 กรัม | ใบเตยมัด 2-3 ใบ   วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อ ต้มจนส่วนผสมข้นขึ้นเล็กน้อย ปิดไฟ พักไว้ให้หายร้อน บีบครีมมะพร้าวอ่อนลงในแป้งพัฟ จุ่มลงในเมอแรงก์กะทิให้ตั้งยอดอ่อน เบิร์นเมอแรงก์ให้สีสวย ตกแต่งด้วยฝอยทองให้สวยงาม

ทาร์ตสังขยาสมัยใหม่มีหลายสัมผัสในชิ้นเดียว เนื้อในเป็นสังขยาไข่เนื้อเนียน และแป้งข้าวเหนียว ตกแต่งด้วยเนื้อฟักทองสไลซ์เบิร์นน้ำตาลกลิ่นหอมคาราเมล   ส่วนผสมและวิธีทำแป้งทาร์ต (สำหรับ 4 ที่) แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม | น้ำตาลไอซิง 80 กรัม | เกลือ 2 กรัม | เนยจืด 135 กรัม | ไข่ไก่ 20 กรัม ผสมทั้งหมดให้เข้ากัน คลุมด้วยพลาสติกแรป พักไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที จากนั้นรีดเป็นแผ่นบางประมาณ 3 มิลลิเมตร กรุลงพิมพ์ขนาด 6 นิ้ว ตัดขอบให้สวยงาม นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที จนสุกเหลือง พักไว้ให้หายร้อน ส่วนผสมและวิธีทำโมจิ น้ำเปล่า 160 กรัม | แป้งข้าวเหนียว 120 กรัม | น้ำตาลทราย 50 กรัม | กะทิ 30 กรัม ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน นำเข้าไมโครเวฟจนส่วนผสมสุก จากนั้นรีดเป็นแผ่นบางวางลงไปในพิมพ์ทาร์ตที่อบเตรียมไว้ ส่วนผสมสังขยา ไข่ไก่ 3 ฟอง | ไข่เป็ด 2 ฟอง | น้ำตาลมะพร้าว 1/2 ถ้วย | หัวกะทิ 2 ถ้วย | เกลือทะเล 1/4 ช้อนชา | ใบเตย 2 ใบ | เนื้อฟักทองสไลซ์บางสำหรับตกแต่งหน้า (ลวกให้สุกเล็กน้อย)   วิธีทำ ผสมไข่ไก่ ไข่เป็ด น้ำตาลมะพร้าว และใบเตย ขยำให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นใส่หัวกะทิ และเกลือ คนส่วนผสมให้เข้ากัน กรองด้วยผ้าขาวบาง เตรียมไว้   เทสังขยาใส่แป้งทาร์ตที่มีโมจิ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส นาน 20-25 นาทีหรือจนสุก เรียงเนื้อฟักทองสไลซ์บางบนหน้า โรยน้ำตาลทรายแล้วเบิร์นให้สีเหลืองเป็นคาราเมลสวยงาม

เค้กที่ได้แรงบันดาลใจจากขนมบ้าบิ่น นำมาทำเป็นเค้กเนื้อนุ่มผสมมะพร้าวกับเนื้อกล้วยตาก กินคู่กับคาราเมลกะทิที่ราดซึมเข้าเนื้อเค้ก อร่อยอย่างลงตัว   ส่วนผสม (สำหรับ 6 ที่) แป้งสาลีอเนกประสงค์ 130 กรัม | แป้งข้าวเหนียวดำ 85 กรัม | กะทิ 60 กรัม | น้ำมันรำข้าว 50 กรัม | น้ำตาลมะพร้าว 70 กรัม | น้ำตาลทรายแดง 120 กรัม | ไข่ไก่ 3 ฟอง | ผงฟู 1 1/2  ช้อนชา | เกลือทะเล 1/4 ช้อนชา | เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูด 1/4 ถ้วย | เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเส้น 1/4 ถ้วย | เนื้อกล้วยตากสับ 1/4 ถ้วย | เนื้อกล้วยตากหั่นครึ่งสำหรับตกแต่ง   อุปกรณ์ พิมพ์ขนาด 5 นิ้วที่มีรูตรงกลาง   วิธีทำ อุ่นเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมไว้ ผสมแป้งสาลี แป้งข้าวเหนียวดำ และผงฟู ร่อนเตรียมไว้ ผสมไข่ไก่ กะทิ น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทรายแดง และน้ำมันรำข้าวให้เข้ากัน ใส่แป้งที่ร่อนเตรียมไว้ ใส่เกลือ เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูด เนื้อมะพร้าวอ่อน และเนื้อกล้วยตากสับ ตะล่อมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์ นำเข้าเตาอบนาน 15-20 นาที หรือจนเค้กสุก พักไว้ให้เย็น ส่วนผสมและวิธีทำคาราเมลกะทิ หัวกะทิ 1 ถ้วย | น้ำตาลมะพร้าว 1/2 ถ้วย | เกลือทะเล 1/4 ถ้วย | เจลาติน 2 แผ่น ผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวจนส่วนผสมข้น พักไว้ให้หายร้อน บีบครีมคาราเมลบนเค้ก ตกแต่งด้วยเนื้อกล้วยตากให้สวยงาม